หน้าเว็บ










ยินดีต้อนรับเข้าสู่ Surasak5-2aff.blogspot.com ครับผม จะหาอะไรที่ ผมโพส กรุณามองไปที่ Update List ด้านขวาล่าง นะคับ Welcome to Surasak5-2aff.blogspot.com will seek ? at me posts , please stare go to at Update List.







หยุด ร่างพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

พูดคุยกันได้ที่นี่ ! ShoutMix


ShoutMix chat widget

วันจันทร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

"ยาสีฟัน" ไม่ได้มีไว้แปรงฟัน (อย่างเดียว)

15 ประโยชน์สุดแจ่มของ ยาสีฟัน (ลิซ่า)

อันว่ายาสีฟันนี้ นอก จากจะทำให้ฟันสะอาดสดใสแล้ว ยาสีฟันยังใช้งานได้อย่างวิเศษกับของอย่างอื่นที่ไม่ใช่ฟันด้วยนะครับ
และนี่คือการใช้ยาสีฟันแบบสีขาว (เว้นแต่บอกไว้อย่างอื่น) กับงานต่าง ๆ รอบบ้านและรอบตัวคุณ

1. บรรเทาอาการระคายเคืองจากแมลงกัดต่อยหรือแผลพุพอง ทายาสีฟันลงไปบริเวณที่ถูกแมลงกัดต่อยโดยตรง มันจะบรรเทาอาการคันและลดความบวมลงได้ ส่วนแผลพุพองยาสีฟันจะทำให้แผลแห้งและหายเร็วขึ้น โดยควรทาทิ้งไว้ข้ามคืนเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด

2. บรรเทาแผลไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก สำหรับแผลเล็กน้อยที่ไม่มีรอยเปิด ยาสีฟันจะให้ความเย็นที่ช่วยบรรเทาอาการได้ โดยต้องทาลงไปทันทีหลังเกิดรอยแผล

3. กำจัดสิว อยากให้สิวหายเร็วขึ้นงั้นหรือ? ลองทายาสีฟันลงบนสิวแล้วทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วล้างออกในตอนเช้าสิ สิวจะยุบลงและหายเร็วขึ้น

4. ทำความสะอาดเล็บ ทั้งเล็บและฟันมีส่วนประกอบของกระดูกเหมือนกัน ยาสีฟัน จึงดีกับเล็บเช่นกันเพราะฉะนั้นอย่าลืมใช้แปรงและยาสีฟันขัดเล็บเป็นประจำ เพื่อช่วยให้เล็บสะอาดเป็นเงางาม และแข็งแรงขึ้น

5. ทำให้ผมอยู่ทรง ยาสีฟันแบบเจลมีส่วนผสมของโพลีเมอร์ที่ละลายน้ำ ซึ่งเป็นส่วนผสมแบบเดียวกับที่เจลแต่งผมส่วนใหญ่ใช้ ฉะนั้น ถ้าคุณมองหาอะไรที่จะสร้างสรรค์ผมซึ่งต้องการความอยู่ตัวแบบสุด ๆ แต่เจลแต่งผมเกิดขาดมือ ลองใช้ยาสีฟันแบบเจลแทนก็ได้

6. กำจัดกลิ่นเหม็น ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นกระเทียม หัวหอม ปลา หรืออาหารกลิ่นแรงอื่น ๆ ที่ติดอยู่บนมือ ลองใช้ยาสีฟันถูมือ มันจะช่วยกำจัดกลิ่นพวกนี้ได้

7. กำจัดรอยเปื้อน รอยเปื้อนที่กำจัดยากบนเสื้อผ้าหรือพรม ยาสีฟันสามารถช่วยได้สำหรับเสื้อผ้า ทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อนโดยตรงและขยี้เบา ๆ จนกระทั่งรอยเปื้อนหายไป แล้วซักตามปกติ (แต่ควรระวัง ถ้าใช้ยาสีฟันแบบไวเทนนิ่งบนผ้าสีอาจทำให้สีผ้าซีดลงได้) สำหรับรอยเปื้อนบนพรม ทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อน ใช้แปรงขัดจนรอยเปื้อนจางลง แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

8. ชุบชีวิตรองเท้าเก่า ทำความสะอาดรองเท้าวิ่งที่สกปรกมอมแมม แต่ซักน้ำไม่ได้ ด้วยการทายาสีฟันลงบนรอยเปื้อนแล้วขัดเบา ๆ จากนั้น เช็ดให้สะอาด

9. กำจัดรอยสีเทียนบนผนัง ใช้ผ้าชุบน้ำพอชื้น ๆ กับยาสีฟันขัดเบา ๆ บนรอยเปื้อน

10. ทำความสะอาดเครื่องประดับเงิน ทายาสีฟันลงบนเครื่องประดับเงิน แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นใช้ผ้าสะอาด ๆ เช็ดออกในตอนเช้า ส่วนเครื่องประดับที่เป็นเพชร ก็สามารถใช้แปรงนุ่ม ๆ ยาสีฟันเล็กน้อย และน้ำขัดเบา ๆ ให้แวววาวดังเก่าได้ แต่อย่าใช้กับมุกเพราะจะทำให้เคลือบผิวเสียหายได้

11. กำจัดรอยขีดข่วนบนซีดี ได้ผลดีกับรอยขีดข่วนตื้น ๆ และรอยเปื้อนทั่วไปแค่ทายาสีฟันบาง ๆ ลงบนแผ่นซีดี ถูเบา ๆ แล้วเช็ดด้วยน้ำให้สะอาด

12. ทำความสะอาดคีย์เปียโน น้ำมันบนผิวหนังอาจติดอยู่บนคีย์เปียโน และดึงดูดเอาฝุ่นและความสกปรกมาสะสมไว้ ทำความสะอาดมันด้วยผ้าที่ปราศจากขุยชุบน้ำพอชื้น ๆ แตะยาสีฟันเล็กน้อยจากนั้น เช็ดซ้ำด้วยผ้าสะอาด ๆ อีกผืน

13. กำจัดกลิ่นขวดนมเด็ก ถ้าขวดนมเริ่มมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวของนมบูด ลองใช้ยาสีฟันทำความสะอาดคราบตกค้างและกำจัดกลิ่น แต่ต้องล้างน้ำสะอาดให้หมดจดจริง ๆ ก่อนใช้

14. กำจัดรอยไหม้บนหน้าเตารีด ซิลิก้าในยาสีฟันสามารถช่วยกำจัดคราบดำ ๆ ไหม้ ๆ พวกนั้นได้

15. คืนความใสให้เลนส์ แว่นตา สำหรับว่ายน้ำหรือดำน้ำอาจขุ่นมัวได้เมื่อใช้ไปนาน ๆ ก่อนจะซื้ออันใหม่ลองทายาสีฟันเล็กน้อย ลงบนกระจกแว่น ถูให้ทั่วแล้วล้างให้สะอาด แต่อย่าขัดแรงเกินไป เนื่องจากส่วนผสมที่มีฤทธิ์ในการขัดสีในยาสีฟันอาจทำให้เลนส์เป็นรอยได้




Credit by nakorn-it

70 สิ่งที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน

1.ยุงบินด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง...
2.ผีเสื้อบินด้วยความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง...
3.เส้นผมคนรับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม...
4.เสียงกรนที่ดังที่สุดดังถึง 87.5 เดซิเบลล์
5.พอล แมคคาร์ที เป็นเจ้าของลิขสิทธิเพลงแฮปปี้ เบิร์ดเดย์ ถ้าจะนำมาออกรายการต้องซื้อลิขสิทธิก่อน...
6.เหรียญทองโอลิมปิกต้องมีแร่เงินผสมอยู่ 92.5 เปอร์เซนต์...
7.หอเอนเมืองปิซาเอนไปทางใต้...
8.กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 อาบน้ำทั้งหมด 3 ครั้งในชีวิต...
9.ฮิตเลอร์แสกผมข้างซ้าย...
10.ผู้หญิงที่เกาะฮาวายที่ทัดดอกไม้ที่หูข้างซ้าย แสดงว่ามีเจ้าของแล้ว...
11.เราไม่สามารถฆ่าตัวตายด้วยการกลั้นหายใจได้...
12.ผู้หญิง 3.9 เปอร์เซนต์ไม่ชอบใส่กางเกงใน...
13.ฮิปโปผายลมทางปาก...
14.ประเทศซาอุดิอราเบียไม่มีแม่น้ำ...
15.กังหันทั้งโลกหมุนทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นที่ไอร์แลนด์...
16.เด็กนักเรียนอายุ15 ปีขึ้นไปในบังคลาเทศจะถูกจับเข้าคุกถ้า"โกงข้อสอบ"...
17.ปลาที่อาศัยในน้ำลึกเกิน 800 เมตร จะไม่มีตา...
18.ผมคนเราจะร่วงประมาณ 200 เส้นต่อวัน...
19.ตัว"โอ"เป็นสระที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ...
20.คนพูดประมาณ 120 คำต่อนาที
21.ฝ่ามือและฝ่าเท้าของคนเราไม่สามารถไหม้ได้...
22.เม่นชอบช่วยตัวเอง...
23.ถ้าปลาไหลไฟฟ้าอยู่ในน้ำเค็ม จะถูกช็อตตาย...
24.ขั้นบันไดในไทยจะเป็นเลขคี่...
25.เจ้าฟ้าชายชาลส์ชอบสะสมฝาโถส้วม...
26.คนมีโอกาสตายจากผึ้งต่อยมากกว่างูกัด...
27.ประเทศวาติกันมีประชากรประมาณ 1000 คน
28.เมื่อคุณจาม หัวใจคุณจะหยุดเต้นเสี้ยววินาที
29.มันเปนไปมะได้อ่ะคับ ถ้าคุณจะจามโดยไม่หลับตา
30.เดิมโคคาโคล่าเป็นสีเขียว
31.ชื่อที่โหลที่สุดในโลกคือ Mohammed
32.กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น
33.แต่ละโพหลังไพ่ แสดงถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จากประวัติศาสตร์ - โพดำกษัตริย์เดวิด - ดอกจิก อเล็กซานเดอร์มหาราช - โพหัวใจ ชาร์ล เลอ มาญ - ข้าวหลามตัด จูเลียส ซีซาร์
34. อนุสาวรีย์ของใครสักคนที่อยู่บนหลังม้า และม้ายกสองขาขึ้นบนอากาศแปลว่าคนนั้นตายในสงคราม
35.ถ้าม้ายกขาข้าเดียวแปลว่า เขาบาดเจ็บในสงคราม และตายจากการบาดเจ็บนั้น
36.ถ้าทั้งสี่ขาของม้าอยู่บนพื้น แสดงว่าตายโดยธรรมชาติ
37.ใน 4000 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสัตว์ชนิดใหม่ๆที่ถูกทำให้เชื่อง
38.เชคสเปียร์ เป็นคนคิดค้นคำว่า assassination (การลอบฆ่า) และ bump (ชน กระทบ)
39.หัวใจมนุษย์สร้างความดันเพียงพอที่จะปั๊มเลือดออกจากร่างกายไป 30 ฟุต
40. หนูสามารถสืบพันธ์ได้เร็มาก ใน 18 เดือน หนูสองตัวจะสามารถมีทายาทมากกว่าล้านตัว
41.การใส่หูฟังแค่ชั่วโมงเดียว ทำให้แบคทีเรียในหูเพิ่มขึ้น700 เท่าตัว
42.ลิปสติกส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของเกล็ดปลา
43.เหมือนกับลายนิ้วมือ....ลายลิ้นทุกคนต่างกัน
44.นิตยสาร time ได้ยกย่องให้คอมพิวเตอร์เป็นบุคคลแห่งปีในปีค.ศ.1982
45.สถิติจูบนานที่สุดในโลกเป็นของหลุยซา แอลเมโดวาร์ วัย 19 ปีกับแฟนหนุ่ม ริชแลงเลย์ วัย 22 ปีพวกเขาทำสถิติไว้ที่ 30.59.27 ชม.
46.ตอนที่ f4 ไปเปิดคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซียทำให้เด็กนักเรียนเกือบ100 คน ต้องเรียนซ้ำชั้น เพราะไม่ได้ไปลงทะเบียนเรียนเทอม 2
47.บริษัทผู้ผลิตยาสีฟันดาร์ลี่เป็นเจ้าของเดียวกันกับที่ผลิตยาสีฟันคอลเกต
48.โดนั ลด์ ดักส์ ถูกแบนในประเทศฟินแลนด์ เพราะมันไม่ได้สวมกางเกงใน
49.ภาพยนต์เรื่อง nothing hill จ่ายค่าตัวจูเลีย โรเบิร์ต 15ล้านเหรียญ ( 660 ล้านบาท ) ในขณะที่พระเอกอย่างฮิว แกรนจ์รับค่าตัวเพียง 1 ล้านเหรียญ ( 45 ล้านบาท)
50.หนังอนิเมชันเรื่อง SouthPark ได้รับการบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์บุ๊กว่าเป็นหนังอนิเมชั่น เรื่องยาวที่หยาบคายที่สุดในโลกสถิติบันทึกไว้ว่า มีการใช้คำหยาบ 399 คำ พฤติกรรมรุนแรง 221 ครั้ง และแสดงท่าทางหยาบคาย 128 ครั้ง
51.ขนมทอดกรอบตรา ปูไทย ระบุว่าไม่มีส่วนผสมของเนื้อปู
52.ในน้ำทะเล 100 ตัน จะมีทองคำอยู่ประมาณ 4 กรัม
53.จำนวนแถวของข้าวโพดในแต่ละฝักจะเป็นเลขคู่
54.จิงโจ้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่เดินถอยหลังไม่ได้
57.ยุงชอบเลือดเด็กมากกว่าเลือดผู้ใหญ่
58.แมงมุมทอดรสชาติเหมือนถั่ว
59.ฟันของแมลงสาบอยู่ในท้อง
60.เม่นทุกตัวลอยน้ำได้
61.หมู มีโอกาสเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
62.นอกจากมนุษย์แล้ว หมีขั้วโลกและจิงโจ้ต่างก็จูบเป็น ส่วนลิงชิมแปนซีนั้นจูบแบบ "เฟรนช์คิส" ได้ด้วย
63.คนถนัดขวามีอายุเฉลี่ยยืนยาวกว่าคนถนัดซ้ายถึง 9 ปี
64.Hippopotomonstrsesquippedaliophobia คือ ชื่ออาการของคนที่หวาดกลัวคำอ่านยาวๆ
65.ผู้ที่เกิดเดือนมกราคม - มีนาคม มีแนวโน้มเป็นโรคจิตและโรคคลั่งมากกว่าเดือนอื่นๆ
66.แก้วไม่ได้เป็นของเเข็ง เเต่เปนของเหลว
67.สมองคนเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักของร่างกาย แต่ใช้เลือดไปเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้งหมด
68.เลือดของกุ้งมังกรเปนสีน้ำเงิน
69.อูฐสามารถหมุนหัว 180 องศา
70.รู้หรือเปล่าว่าเว็บgoogleไม่ได้มีประโยชน์แค่หาข้อมูล แต่เป็นเครื่องคิดเลขได้ (ลองใส่ 5+2 หรือเลขอะไรก้อได้ในช่อง แล้วกด Search ดูจิ)




Cradit by nakorn-it

วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553

อย่าทำร้ายความรักของคุณ ด้วยคำว่าเบื่อ




ยังไงไม่ให้ "เบื่อ"

1. ความเชื่อใจกัน


          ความเชื่อใจนี้ถือเป็นการให้เกียรติ และการยอมรับในความต้องการที่แตกต่างของกันและกัน หมายถึงทั้งคู่ต้องไม่โกหก หลอกลวง และจะไม่พูด หรือทำสิ่งใดที่ทำให้อีกคนต้องเสียใจ หรือเป็นการ ทำลายชีวิตคู่

2. การรักษาสัญญา

          นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของชีวิตแต่งงาน เมื่อคุณได้ให้สัญญาต่อกัน สัญญานั้นเปรียบเสมือนเกราะป้องกัน ไม่มีสิ่งใดมาทำลายความรักของคุณได้ "จะรักคุณไม่ว่ายามเจ็บหรือยามสบาย จะรักคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่" คำสัญญานี้จะสิ้นสุดก็ต่อเมื่อ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายจากกันไปเท่านั้น การรักษาคำมั่นสัญญานอกจากจะช่วยให้คุณทั้งสองสามารถผจญกับอุปสรรคต่าง ๆ จนไปถึงเป้าหมายสูงสุดได้แล้ว มันยังช่วยให้คุณดิ่งลงสู่ก้นเหวแห่งความทุกข์..เพราะคุณผิดคำสัญญานั้น


3. มีทักษะความชำนาญ

          ชีวิตแต่งงานเป็นการที่คนทั้งสองตกลงว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ซึ่งต้องอาศัยการทำความเข้าใจกันมากเป็นพิเศษ คุณต้องสามารถแสดงออกว่าต้องการอะไร รู้จักรับฟังเหตุผลของอีกฝ่าย สามารถตัดสินใจในเรื่องต่าง ๆ ได้ดี สามารถไกล่เกลี่ยต่อรองได้ แก้ปัญหาข้อขัดแย้งได้ ให้ความสนใจที่จะพูดคุยกัน และแน่นอน คุณจำเป็นต้องรู้ว่าจะทำมาหากินอะไร และรู้วิธีทำอาหาร วิธีดูแลบ้านช่องให้เป็นระเบียบเรียบร้อย และสำคัญที่สุด วิธีการเป็นพ่อเป็นแม่คนที่ดีเขาทำกันอย่างไร

4. การเอาใจใส่ดูแล

          วิธีทะนุถนอมให้ชีวิตคู่ยืนยาวนั้นคุณต้องรู้จักวิธีเอาอกเอาใจกันบ้าง บางคู่แค่มองตาก็รู้ว่าต้องการอะไร และจะทำแต่สิ่งที่เขาชอบ และจะไม่ทำอะไรที่เขาไม่ชอบให้ขุ่นเคืองใจ ซึ่งจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกมีความสุขเหลือเกินที่ได้คุณเป็นคู่ชีวิต

5. การเอาใจเขามาใส่ใจเรา

          "จงทำกับคนอื่นเหมือนกับที่อยากให้คนอื่นทำกับคุณ" หมายความว่า การจะทำสิ่งใดก็ตาม ให้คุณคิดก่อนว่า เมื่อทำแล้วจะทำให้เกิดผลดีผลเสียกับใครหรือเปล่า ถ้าไม่ดีก็อย่าทำ เพราะคุณคงไม่อยากให้ใครมาทำแบบนั้นกับคุณเหมือนกัน วิธีนี้นอกจากจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณทำอะไรที่จะทำร้ายจิตใจคนที่คุณรักแล้ว ยังเป็นเหมือนตาข่ายที่จะช่วยกลั่นกรองให้คุณทำหน้าที่สามีหรือภรรยาที่ดี ได้สำเร็จอีกด้วย

6. ความเพียร

          จะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณเป็นคนที่เชื่อใจได้ รักษาสัญญา มีความรู้ มีทักษะ และรู้วิธีดูแลเอาใจใส่ แต่ไม่ได้ใช้มัน การที่ชีวิตคู่จะอยู่ดีมีสุขได้คุณต้องใช้ความพยายามในทุก ๆ ด้าน ตลอดทั้งชีวิตของคุณทีเดียว

7. การคาดหวัง

          เหตุผลอย่างหนึ่งที่ทำให้คู่สามีภรรยารู้สึกว่าชีวิตแต่งงานของตัวเองล้ม เหลว เมื่อพบว่าอีกฝ่ายหนึ่งตั้งความหวังกับตัวเองไว้สูงมาก เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะวาดวิมานในอากาศถึงความสุขีสุโขกับชีวิตคู่ โดยคาดหวังว่าคู่ของตัวจะต้องเลิศเลอเพอร์เฟค เป็นเพื่อนคู่คิดที่ดี เป็นตู้ ATM ให้กดได้ตลอดเวลา และที่สำคัญมีความช่ำชองที่สุดกับเรื่องบนเตียง เฮ้ย.. ดูท่าความฝันคงไม่มีทางเป็นจริงได้! เพราะเรื่องจริงกับความฝันมันช่างห่างไกลกันเหลือเกิน แน่นอนที่คุณจะต้องพบกับความผิดหวังครั้งใหญ่ ต้องเผชิญกับความล้มเหลว ความเสียใจ แต่เชื่อเถอะในที่สุด คุณจะค่อย ๆ ยอมรับความจริงได้เอง

วิธีบำรุงชีวิตคู่ให้สุขสันต์

          เลือก เวลาเหมาะ ๆ เพื่อใช้เป็นเวลาอันมีค่าสำหรับพูดคุยกับคนรักเกี่ยวกับชีวิตคู่ของคุณทั้ง สอง หมั่นแลกเปลี่ยนความคิด ความรู้สึก และความต้องการของคุณ แต่เฉพาะในแง่ดีและสร้างสรรค์เท่านั้น เพราะยังไม่ถึงเวลาที่จะมาต่อว่าหรือโต้เถียงกัน

       
กล้า ที่ จะเปิดเผยความรู้สึกที่เป็นตัวตนจริง ๆ ออกมา ไม่ว่าจะอยู่ในอารมณ์แบบไหน (สนุกสนานเริงร่า เจ็บช้ำน้ำใจ เพ้อฝัน หรือแม้แต่เวลายินดีมีความสุข) โดยไม่ต้องคำนึงถึงเหตุผล ดีเลว และถูกผิดใด ๆ ทั้งสิ้น

       
ค่อย พูดค่อยจากันด้วยภาษาดอกไม้ให้ฟังแล้วรื่นหู "ฉันชอบจังค่ะ เวลาที่คุณช่วยฉันล้างจาน" พูดอย่างไรก็ได้ให้คนฟังรู้สึกดี ๆ และไม่เป็นการจุดชนวนสงครามน้ำลายขึ้นกลางวง

          ควร ให้ มีการ "ขอเวลานอก" ในกรณีที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้สึกอึดอัด หรือยังไม่พร้อมที่จะสนทนาในเรื่องนั้น ๆ ต่อ ก็สามารถ "ขอเวลานอก" ซึ่งอาจจะพักสักครู่หนึ่งหรือไม่ก็เปลี่ยนหัวข้อการสนทนาซะ โดยไม่ต้องถามเหตุผลใด ๆ ทั้งนั้น เพราะเราจะรู้สึกสนุกกับการเล่าก็ต่อเมื่อเราสามารถเลือกเรื่องเลือกเวลาที่ เราอยากเล่าได้

          หัด ฟังคนอื่นเขาบ้างและต้องฟังอย่างตั้งใจด้วยว่าที่เขาพูดหมายความว่าอย่างไร แล้วลองเช็คกลับไปด้วยการพูดทวนว่า ที่คุณเข้าใจนั้นถูกต้องตามที่เขาพูดไหม จำไว้ว่า "เมื่อไรที่ไม่แน่ใจ ไม่เคลียร์ ให้ถามได้เลย! "

ขอเพียงอย่านำดวงใจ .. ไปให้ใครเหยียบเล่น



เมื่อต้องการความสุขที่ยั่งยืน
        มาเป็นรางวัลตอบแทนการเกิดมาของชีวิต
        เราไม่ควรที่จะให้จิตใจไหลลู่
        ตามแรงโน้มถ่วงของอารมณ์
        ไม่ควรให้ความรู้สึกที่ติดลบมาเหยียบย่ำชีวิตจิตใจ
        แล้วต้องทำให้เราเป็นได้แค่ผู้ยอมจำนน

        การเรียกร้องเพื่อได้ครอบครองความสุขแต่ปฏิเสธที่จะอยู่กับความทุกข์ เชื่อว่าเป็นธรรมดาที่เราทุกคนล้วนมีความรู้สึกเช่นนั้น เพราะเรามักจะคิดว่าความสุขเป็นสิ่งที่ชวนให้เข้าไปสัมผัส แต่ความทุกข์เป็นสิ่งที่ควรผลักไสออกไปให้ไกลตัว

        แต่ผู้อ่านสังเกตไหมว่า แม้เราจะเกลียดความทุกข์ หรือต้องการหันหน้ามารักกับความสุขมากเพียงใด แต่หากไม่เข้าใจวิธีสร้างสุขให้เกิดมีแก่ตัวเรา และไร้วิธีปลดปล่อยความทุกข์ให้ออกไปไกลตัว เราก็ยังเชื่อว่ามีความทุกข์ที่พร้อมจะทอดเงาไปกับเราอยู่ทุกเมื่อเช่นเคย

        ผู้อ่านลองสังเกตต่อไปอีกว่า หลายครั้งที่เราชอบชี้บอกเพื่อให้คนอื่นมีความสุข แต่หลังฉากของความสุขนั้น เรากลับต้องจมอยู่กับความทุกข์เสียเอง เป็นประเภทหน้าชื่นแต่อก ตรมอย่างน่าสงสาร ทั้งที่บางครั้งปัญหาที่คนอื่นมองว่าใหญ่หลวงยิ่ง เรากลับมองว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่น่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวายได้แต่อย่างใด เพราะเรามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจ และรู้จักวางใจที่จะทำความรู้จักกับปัญหาอย่างรู้เท่าทัน

       ตรงกันข้าม เมื่อวันหนึ่งเราประสบกับปัญหา ที่ทำให้ความทุกข์มากลุ้มรุ้มจิตใจ เราเองกลับรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ช่างเป็นเรื่องลำบากที่จะผ่านมันไป ทั้งที่เรื่องที่เกิดขึ้นคน อื่นกลับมองว่า มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้ การจะแสวงหาความสุขให้เกิดขึ้นกับชีวิตจิตใจของเรา จึงไม่ใช่อยู่ที่การสัมผัสแค่ความสุขที่ได้รับเท่านั้น แต่รวมถึงการทำความรู้จักความทุกข์ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจอีกด้วย

        พระพุทธศาสนาสอนไว้ว่า ธรรมชาติของชีวิตนั้น มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป เมื่อใดที่เราเข้าใจกระบวนการเกิดขึ้นของสิ่งต่างๆ อย่างรู้เท่าทัน ไม่หลงประเด็นในเรื่องราวที่ปรากฏ เราย่อมเกิดปัญญาจากสิ่งที่เคยถูกมองว่าเป็นปัญหาเสมอ แต่สำหรับคนทั่วไป เวลาประสบกับความทุกข์หรือปัญหา เรามักปฏิเสธที่จะทำความเข้าใจมัน โดยอาศัยการเบี่ยงเบนไปที่อื่น เพื่อกลบเกลื่อนความทุกข์ที่มีอยู่ เพราะเราชอบคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่า ความทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ โดยไม่ต้องลงมือแก้ไขที่จิตใจแต่อย่างใด เราก็สามารถที่จะผ่านมันไปได้เช่นกัน

        หลายคนจึงชอบใช้วิธีเลี่ยงความทุกข์ ด้วยการไปทำอย่างอื่นแทน อาจแสวงหาวัตถุเงินทองเพื่อมาบำบัดให้ทุกข์ทุเลา เมื่อใช้วิธีหลบเลี่ยงอยู่นานวัน และรู้สึกว่ามันแก้ไขได้ เราจึงคิดว่าสิ่งเหล่านี้แหละ คือเครื่องมือในการกำจัดทุกข์หรือปัญหาอย่างถาวร ทำให้เราพลัดหลงจากความจริงที่ควรรับรู้อย่างน่าเสียดาย เราจึงบ่ายหน้าไปสู่กับดักของความทุกข์ โดยที่เราเองก็ยินดีที่จะเป็นทาสรับใช้ ซึ่งเหมือนกับการนำชีวิตที่มีค่าไปฝากไว้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่า สุดท้ายเราจึงถูกทำร้ายให้เจ็บช้ำในเวลาต่อมา 

        ความสุขที่ควรจะเกิดขึ้นแก่เรา จึงเป็นพียงภาพลวงตาที่เราเข้าใจว่ามันใช่เท่านั้น แม้วันหนึ่งเราอาจต้องการหนีออกไปให้ไกลจากความทุกข์ที่มาคุมขังเรา ภาพลวงของความร้ายก็มักทำลายคุณค่าหลายๆอย่างให้หายไปจากเรา เกินกว่าจะกู้กลับคืนมาได้ดังเดิม แต่เมื่อเรารู้จักสร้างความเข้าใจให้กับตัวเอง รู้จักดูแลจิตใจอันเป็นหัวใจหลักของการมีชีวิตอยู่ ด้วยการอาศัยสติมาคอยดูแล เพื่อให้ทุกอย่างได้ดำเนินไปอย่างเข้าใจ นั่นชื่อว่าเรากำลังสร้างวิธีให้ใจของเราได้ทำหน้าที่อย่างที่มันควรจะเป็น เป็นการให้ชีวิตจิตใจของเราได้เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างมีคุณค่า เพื่อให้ชีวิตได้เป็นแหล่งพักของสิ่งต่างๆอย่างที่มันควรจะเป็น โดยให้ใจได้ทำหน้าที่รับรู้สิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามา แล้วทำการแยกแยะสิ่งดีและร้ายให้ออกจากกัน

        พร้อมกันนั้น ก็ให้ใจได้เรียนรู้ทั้งด้านบวกและด้านลบของปัญหา แล้วรู้จักที่จะสร้างปัญญาจากความยุ่งยาก ที่เคยทำให้ผู้ที่ไร้สติครองน้ำตานองหน้ามาก่อน ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจ เพราะรู้เท่าทันปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อทำได้เช่นนี้ ทุกการเคลื่อนไหวของชีวิตจิตใจที่เราได้ครอบครอง ก็พร้อมที่จะแปรขบวนชีวิต ให้เป็นไปในกรอบของความดีงามตามวิถี ซึ่งช่วยฟ้องให้เรารู้ว่าชีวิตมีค่าเสมอหากเราเข้าใจมัน

        พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แม้จะถูกล้อมกรอบให้ลุ่มหลงในความเป็นเจ้าฟ้ามหากษัตริย์เพียงใด แต่พระองค์ก็ไม่ยอมที่จะให้สิ่งร้ายๆ มาครอบครองพื้นที่ชีวิตทั้งหมด พระองค์ได้เรียนรู้ที่จะฝึกใจให้เข้มแข็ง ด้วยการหมั่นไตร่ตรองข้อบกพร่องที่มีอยู่ เพื่อให้เห็นความจริงที่ชีวิตควรจะรู้จัก จนเมื่อการฝึกฝนที่จะออกจากปัญหาสุกงอม พระองค์จึงเลือกที่จะสละความเป็นเจ้าชาย แล้วมาอยู่กับเหตุผลของคนธรรมดาที่สามารถบรรลุสัจธรรมในชีวิตได้

        เหตุผลหลักที่ทำให้เจ้าชายผู้เคยอยู่สุขสบายในทางโลกได้เลือกเปลี่ยนมา อยู่กับความสุขสงบทางธรรม เพราะพระองค์ได้เรียนรู้ว่า ตราบใดที่ชีวิตยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ แม้วันนี้อาจรู้สึกว่ายังสุขสบายดี แต่หากความสุขนั้นเป็นของปลอม เราย่อมบ่ายหน้าไปสู่ความทุกข์ในครั้งใหม่เช่นเดิม แต่หากยอมเหน็ดเหนื่อยในวันนี้ ด้วยการฝืนทวนกระแสความคิดที่มาบังคับเพื่อหลอกให้เราทำตาม แม้เบื้องต้นอาจเหนื่อยล้าเพราะถูกปัญหารุมเร้า แต่เมื่อฝึกฝนจนก้าวผ่านได้ ทุกหยาดเหงื่อของความรู้สึกที่เคยร้อนลน ย่อมกลายเป็นน้ำฝนที่พร่างพรมลงมาให้เรารู้สึกเย็นใจได้ในทุกครั้งที่สัมผัส

        ดังนั้น เมื่อต้องการความสุขที่ยั่งยืนมาเป็นรางวัลตอบแทนการเกิดมาของชีวิต เราไม่ควรที่จะให้จิตใจไหลลู่ตามแรงโน้มถ่วงของอารมณ์ ไม่ควรให้ความรู้สึกที่ติดลบมาเหยียบย่ำชีวิตจิตใจ แล้วต้องทำให้เราเป็นได้แค่ผู้ยอมจำนน แต่เราควรรู้จักเรียนรู้และทนฝืนความรู้สึกที่เป็นการตามใจ ให้เปลี่ยนมาเป็นความต้องการที่จะฝึกฝืน เพื่อให้ผ่านความรู้สึกที่เคยชื่นชอบ ให้มาเป็นความเข้าใจตามความเป็นจริง โดยมีสติปัญญาเป็นผู้คอยกลั่นกรองให้เห็นความสงบนิ่งของใจแทน

        แล้ววันหนึ่งที่ฝึกฝนจนสอบผ่าน เราย่อมมีจิตใจที่แข็งแกร่งเป็นของตัวเอง ซึ่งจะเป็นเครื่องนำพาให้เราได้เดินไปสู่ชีวิตที่สงบสุข และมีความงามของการสร้างสรรค์ ดั่งคนที่ไร้ทุกข์ทางจิตอย่างถาวร

        เมื่อถึงวันนั้น ความทุกข์ที่เคยเหยียบย่ำให้เจ็บช้ำ ก็จะกลายเป็นครูสอนให้เราฉลาดขึ้น และทำให้เรากล้าที่จะก้าวข้ามปัญหา เพื่อไปสู่การเกิดปัญญาชนิดใหม่ ที่จะทำให้เราเป็นผู้ขึ้นไปยืนอยู่เหนือความทุกข์ทั้งปวงได้อย่างสง่างาม

ต่างคน ต่างอยู่ ... จะดีหรือ



โดย: สราญดี

          หลายคนรู้สึกว่าการเอาอกเอาใจอีกฝ่ายเพื่อถนอมความสัมพันธ์ มันช่างเป็นงานแบกอิฐแบกปูนแท้ ๆ
    
          เมื่อเราเบื่อกันและกัน ก็เลิกอยากจะถกเถียงเพื่อหาทางแก้ไข เลิกใส่ใจกันไป สิ่งที่ดีที่สุดที่นึกออกก็คือมองหาโลกส่วนตัวที่สร้างความสุขให้เราได้โดย ไม่มีกันและกันอีกต่อไป ยิ่งจมดิ่งอยู่ในโลกส่วนตัวมากแค่ไหน ก็ยิ่งเข้าถึงกันได้ยากขึ้น เพราะจะไม่มีช่องว่างเวลาให้กัน และความเพลิดเพลินของเขาเราก็ไม่ทนเห็นเป็นเรื่องพอจะสนุกไปกับเขาได้อีก

          ต่างคนต่างอยู่ดูจะเป็นทางออกที่ให้ความสงบสุขทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องร้อนรุ่มกลุ้มใจเพราะเขา ไม่ต้องมาเสียเวลาเอาใจ หรือคาดหวังการเอาใจให้เหนื่อยแรง
    
          ดูเหมือนจะดี แต่การปล่อยความรู้สึกที่มีต่อกันไปตามยถากรรม โดยไม่ได้ลงมือแก้ไขเลยสักอย่าง จะเห็นแววรุ่งในชีวิตคู่ไหมละเนี่ย
    
          หลายคนรู้สึกว่าการเอาอกเอาใจอีกฝ่ายเพื่อถนอมความสัมพันธ์ มันช่างเป็นงานแบกอิฐแบกปูนแท้ ๆ ต้องฮึบขึ้นมาหนึ่งตั้ง ต้องจัดสรรเวลา ต้องเป็นกระบวนการใหญ่ ประมาณว่าจัดโต๊ะดินเนอร์ใต้แสงเทียน หรือชวนกันไปเที่ยวทะเล อันที่จริงแค่การให้ความสนใจเขาในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุก ๆ วัน สัมผัสกันหรือกอดกันบ้าง เป็นความโรแมนติกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้เรามีชีวิตชีวาโดยไม่ต้องทุ่มเทมาก
    
          ถ้าเขากับเรามีความสุขกับงานอดิเรกคนละแบบกับเรา ก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่ว่าเขาจะหมกมุ่นอยู่กับพระเครื่อง (อุ๊ย! เคสเจาะจงไปนิด อันตรายต่อความมั่นคงในครอบครัว) คือจะยกตัวอย่างกว้าง ๆ อย่างผู้ชายบ้ารถแล้วไม่อินค่ะ เลยโม้ไม่ออก อินอย่างยิ่งกับอาการของคนมีแว่นประจำตัวส่องทุกมื้อและก่อนเข้านอน และง่วนอ่านตำราศึกษาจนเป็นน้อง ๆ เกจิ
    
          ตามทฤษฎีบอกว่า ควรจะให้ความสนใจกับสิ่งที่เขารักบ้าง เพื่อเปิดประตูไปสู่โลกส่วนตัวของเขา แหมคุณคะ ใครอยากตายิบหยีนั่งส่องพระมั่ง ฟังเขาเล่าอะไรการรับรู้ก็ยังเป็นศูนย์อยู่ดี นั่งดูนักฟุตบอลหล่อๆ เป็นเพื่อนยังง่ายเสียกว่า
    
          ปัญหานี้แก้เองไม่ตก หันไปคุยกับพี่ ๆ ผู้มากประสบการณ์ พี่ ๆ บอกว่า มีส่วนร่วมไปกับเขาวิธีอื่นก็ได้ หากล่องสวย ๆ มาให้ใช้เก็บของรักของปลื้ม หรือเสนอตัวช่วยจัดหนังสือเป็นหมวดหมู่ใส่ชั้นวาง คุณพี่จะได้หยิบง่ายใช้คล่อง มีงานประกวดที่ไหนรีบรายงาน นาน ๆ ควงแขนไปเป็นเพื่อนซะที ไม่อยากไปก็ให้นึกเสียว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเราทุกวันซะเมื่อไหร่
    
          แล้วการที่เราได้แอบมองคนที่เรารักมีความสุขดวงตาเป็นประกายระยิบระยับก็ เป็น เรื่องดีนี่นา นาน ๆ ไปอาจสนุกไปด้วยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีโลกคนละใบเสมอไป
    
          แฮ่..ยังไม่เคยทำเลยค่ะ จะลองดู
   
          ก่อนที่จะคิดว่าควรใช้วิธีไหน ทั้งเราและเขาต่างต้องสะสมต้นทุนไว้เยอะ ๆ นะคะ งานวิจัยอันหนึ่งของมหาวิทยาลัยวอชิงตันพบว่า คู่ ผัวตัวเมียที่อยู่เย็นเป็นสุข นอกจากรักกันแล้ว ยังสะสมความรู้สึกดี ๆ เป็นทุนสำรองอยู่มาก เมื่อคู่แบบนี้ทะเลาะกันกี่ครั้งกี่หน หรือจะเกิดความเบื่อขึ้นมาในบางช่วงก็ตาม ถ้ามันจบไปแล้ว ความรู้สึกดีต่อกันก็ยังอยู่
    
          เพราะฉะนั้นเ ตือนสติตัวเองว่าถ้าเริ่มมองเขาในแง่ร้ายเมื่อไหร่ให้หยุดซะเถิดทูนหัว จะได้ไม่ต้องเหม็นหน้ากัน

บทเรียนรัก .. ที่คุณอาจไม่คาดคิด







การ แต่งงานที่เกิดจากการถูกจับคู่อาจฟังดูไม่โรแมนติกเอาเสียเลย แต่ผู้หญิงที่เลือกแต่งงานแบบนี้อาจสามารถสอนเราได้บางอย่างในการมีความสุข กับชีวิตคู่ เพราะผู้หญิงเหล่านี้มีความคิดในเรื่องความรักและความโรแมนติกที่เป็นจริง มากกว่า ซึ่งทำให้พวกเธอสามารถมีความสุขกับคนที่อยู่ด้วยได้  นี่เป็นข้อมูลจาก วีว่า เซ็ธ ผู้เขียนหนังสือเรื่อง First Comes Mamiage และต่อไปนี้คือบทเรียนบางอย่างที่ควรจำไว้




l . ค้นหาความเข้มแข็งภายในของคุณ
ผู้หญิงที่แต่งงานแบบถูกจับคู่ไม่ได้คาดหวังว่า สามีของพวกเธอจะต้องเติมเต็มความต้องการทางอารมณ์ของพวกเธอทุกอย่าง เซ็ธได้อธิบายว่า พวกเธอจะมองสามีเป็นหุ้นส่วนชีวิตเป็นเพื่อน และเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่ไม่ใช่ผู้เดียวที่จะให้ความสุขแก่พวกเธอ ฉะนั้น แทนที่จะพึ่งพาแต่สามีผู้หญิงเหล่านี้จะรู้จักสร้างความสุขด้วยตัวเอง และผลก็คือพวกเธอไม่ได้เก็บกักความขุ่นข้องหมองใจต่อสามีเอาไว้ในยามที่พวก เขาไม่อาจเติมเต็มสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แก่พวกเธอ


       

2. เน้นในสิ่งที่คุณชอบในตัวของกันและกัน
เพราะผู้หญิงที่แต่งงาน จากการถูกจับคู่รู้ว่า พวกเธอต้องเรียนรู้ที่จะรักสามีของตัวเอง พวกเธอจึงสนใจแต่สิ่งที่ดีๆ ในตัวเขา และปล่อยวางสิ่งเล็กน้อยที่ไม่สลักสำคัญนัก แทนที่จะจมอยู่แต่กับความคิดที่ว่า ทำไมเขาไม่เป็นอย่างนั้น ทำไมเขาไม่ทำอย่างนี้ พวกเธอจะมองหาสิ่งที่สามีทำได้ดีและถูกต้องแทน และเมื่อเธอชื่นชมในสิ่งที่สามีทำ เขาก็จะรู้สึกแบบเดียวกันต่อเธอ


       

3. ความโรแมนติกนิยามใหม่
เนื่องจากการแต่งงานแบบถูกจับคู่ไม่ได้ เกิดจากการเกี้ยวพาราสี และทำความรู้จักกันตามปกติ ผู้หญิงที่แต่งงานแบบนี้จึงไม่มีความคาดหวังในเรื่องการแสดงความโรแมนติกแบบ ดั้งเดิม (เช่น ดินเนอร์ใต้แสงเทียน) แต่พวกเธอจะให้คุณค่าแก่การแสดงความเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ที่บ่อยครั้งอาจมีความหมายได้มากกว่า

รูปหัวใจ ใครคิดค้นขึ้นมานะ


สังเกตไหมว่า
ที่จริงรูปหัวใจที่เราใช้ ๆ กันอยู่เนี่ย หน้าตามันไม่ค่อยเหมือนหัวใจจริง ๆ
ของคนเราสักเท่าไหลแต่ก็ไม่แปลกหลอกที่ของจริงกับสัญลักษณ์จะดูเหมือนแฝดคนละฝา
เพราะคนที่สร้างสัญลักษณ์นี้ขึ้นมา เป็นกลุ่มแรกเชื่อกันว่าเป็นพวกนายพรานยุโรป
ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์โน่น หรือเผลอๆ อาจจะเป็นคนรุ่นสุดท้ายในยุคน้ำแข็งเลยก็ได้




มีหลักฐานการค้นพบรูปหัวใจบนผนังถ้ำอายุ 10,000 ปีก่อนคริสตกาล ในประเทศสเปน
และเป็นสัญลักษณ์ที่ถูกยอมรับ ว่ามีความคิดสร้างสรรค์ สูงมากสำหรับมนุษย์เมื่อ 10,000 ปีก่อน
เพราะเป็นสัญลักษณ์ที่มีทั้งส่วนเว้าและส่วยโค้ง ซึ่งคนในยุคนั้นต้องสู้ชีวิตกันสาหัสมาก
คงไม่ค่อยว่างมาดีไซน์อะไรกันมากมายได้ขนาดนี้ นี่ต้องเรียกว่า ปาฏิหาริย์สรรค์สร้างสุดฤทธิ์แล้ว


เหตุผลที่นายพรานรุ่นพระเจ้าเหาสร้างสัญลักษณ์หัวใจขึ้นก็เพื่อใช้เป็นสัญลักษณ์
ของอวัยวะที่ตรึงชีวิตให้คงอยู่ จากนั้นรูปหัวใจก็ตกทอดมาเรื่อย ๆ เป็นสมบัติแบกะดิน
แล้วแต่ใครจะเอาไปใช้ แต่ส่วนใหญ่ก็จะใช้ในทางศาสนา เพื่อสื่อถึงชีวิตและรูปร่าง
ของสัญลักษณ์หัวใจก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลาจนมีสภาพอย่างที่เราเห็นนี่ล่ะ




พอมาถึงยุคกลาง สัญลักษณ์รูปหัวใจเริ่มมีความหมายเฉพาะมากขึ้น

แต่ก็ยังมีหลายความหมายแล้วแต่ว่าจะอยู่ที่ไหน เช่น ถ้าอยู่ที่ประเทศหนึ่ง
รูปหัวใจจะหมายถึงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แต่พอไปอีกประเทศหนึ่งกลับหมายถึง
การไปด้วยกัน หรือในบางพื้นที่หัวใจก็มีความหมายที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างเช่น
หมายถึงไฟ หรือหมายถึงการบินก็ยังมี




ในประเทศสวีเดน หัวใจหมายถึงห้องน้ำ ที่ใช้ร่วมกันระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย
ชาวกรีกใช้สัญลักษณ์รูปหัวใจเป็นใบไม่ประดับมาลัยมงกุฎ ของเจ้าไดโดซุส
แต่ต่อมาเปลี่ยนมาประดับมงกุฎให้กามเทพแทน นั่นแสดงว่ารูปหัวใจเริ่มมีความหมาย
สื่อถึงความรักตั้งแต่สมัยนี้แล้ว






มีคนให้ความเห็นว่าสัญลักษณ์รูปหัวใจมีลักษณะคล้ายสะโพก
ซึ่งก็มีเสียงขานรับในทำนองเห็นด้วยมากมาย เพราะเชื่อกันว่าสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม
มีวิวัฒนาการสูงอย่างลิงหรือคน สะโพกเป็นส่วนที่กระตุ้นความรู้สึกทางเพศ จึงเป็นไปได้ว่า
สะโพกนี้เองที่เป็นจุดกำเนิด หรือที่มาของรูปหัวใจในปัจจุบัน




จาก..wintesla2003

จีบสาวทางโทรสัพทำไงดี

1. แค่ครึ่งชั่วโมงพอ
การโทรคุยกับสาวจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือการชวนเธอออกเดท ไม่ใช่ไปสนทนาปัญหาบ้านเมือง เอาไว้คุยกันตอนออกเดทจะดีกว่า


2. ขอวางตอนสนุก
คุณอาจไม่เคยวางสายในขณะที่การสนทนาเป็นไปอย่างสนุกสนานออกรสชาติแถมยังคุย ต่อไป 3 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง จนในที่สุดก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแต่ก็ยังไม่วางสาย จนในที่สุดเธอก็เบื่อคุณ สิ่งที่ต้องทำ คือคุณต้องวางสายทุกครั้งที่คิดว่าการสนทนากําลังเป็นไปอย่างสนุกเรียกว่า เมื่อถึง"จุดสุดยอด" เมื่อไหร่ คุณต้องวางทันทีเพราะจะทําให้เธอคิดถึงคุณ คิดถึงบท สนทนาที่ดีระหว่างคุณและเธอและพอครั้งต่อไปที่คุณโทรไปหาคุณจะรู้สึกได้เลย ว่าเสียงเธอนั้นดีใจมากเวลาที่คุณโทรมา


3. วางสายก่อนได้เปรียบ
อย่ารอให้สาวเป็นคนขอวางสายก่อน คุณต้องบอกเธอก่อนทุกครั้งโดยที่จะต้องทําตัวให้ท้าทาย ทําเหมือนว่ามีสิ่งที่สําคัญกว่าเธอรอคุณอยู่ทําให้เหมือนกับว่าคุณนั้นชอบ ที่จะคุยกับเธอ แต่ถ้าไม่ได้คุยคุณก็ไม่เป็นไร


4. โทรทำไมทุกวัน
หลายคนคงคิดว่าการคุยโทรศัพท์จีบสาว ต้องโทรไปทุกวัน โทรไปเรื่อย ๆบอกเธอว่าคิดถึงอย่างโน้นอย่างนี้ เพราะเดี๋ยวเธอก็ใจอ่อนเองบอกได้เลยว่าคุณกำลังคิดผิดผู้หญิงนั้นถ้าเธอชอบ เราไม่ว่าจะโทรไปทุกวันหรือไม่โทรหาเธอเธอก็ยังชอบคุณอยู่ดี การที่ไม่โทร ไปหาเธอบ้างจะทําให้เธอกระวนกระวายใจและคิดถึงคุณมากยิ่งขึ้น แต่คุณลองคิดดูถ้าเธอยังไม่ได้ ตัดสินใจว่าจะชอบคุณหรือไม่ แต่คุณโทรไปหาเธอทุกวัน ๆคุณนั้นกําลังบอกเธอเลยว่า ความสุขทั้งหมดของคุณขึ้นอยู่กับเธอคนเดียวคุณไม่ได้เป็นสิ่งที่ท้าทายเลย สําหรับเธอ เธอรู้ได้ทันทีว่าคุณเป็นลูกไก่ในกํามือ โทรไปวันเว้นสองวันบ้าง บางครั้ง ก็ 3-4 วันครั้งจะทําให้เธอรู้ว่าคุณมีชีวิตเป็นของตัวเอง


5. คุยเรื่องอื่นบ้าง
อย่ามัวแต่คุยเรื่องทั่วไป เช่น ทําอะไรอยู่ อยู่ที่ไหนวันนี้กินข้าวกับอะไร วันนี้ไปไหน ช้อปปิ้งมา เหรอ ซื้ออะไรมาการคุยแบบนี้ใครก็คุยกับเธอได้และคุณจะทําให้เธอเบื่อการคุย เรื่องทั่วไปนั้นเรา จะคุยเฉพาะตอนแรกๆ ที่เราโทรไปเท่านั้นจากนั้นคุณต้องคุยเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกเธอ ความคิด ของเธอถามเธอว่าเธอคิดยังไง รู้สึกยังไงกับเรื่องนี้เรื่องนั้นจากนั้นก็ให้เธอเผยตัวตนของเธอออกมา ให้เธอเปิดใจกับคุณมากขึ้นและที่สําคัญคืออย่าคุยเรื่องที่มันเครียดหา เรื่องที่คุยแล้วทำให้เธอรู้สึกสบายใจแล้วเธอจะรู้สึกไว้ใจคุณยามที่เธอมี เรื่องไม่สบายใจอะไรเธอจะคิดถึงคุณก่อนเป็นคนแรก และเป็นฝ่ายโทรไปหาคุณเองจากนั้นค่อยสร้างสัมพันธ์แล้วค่อยขอเธอเป็นแฟน แต่ขอฝากไว้หน่อยนะไม่ใช่โทรคุยกันครั้งแรกก็ขอเป็นแฟนเลย วัยรุ่นอย่าใจร้อนเพราะสิ่งไหนที่ได้มาง่ายก็ไปง่ายได้ เช่นเดียวกัน

เรื่องน่ารู้ อาการที่บอกว่า เขาแอบชอบเราอยู่


เรื่องน่ารู้ อาการที่บอกว่า เขาแอบชอบเราอยู่


  • เขาหรือเธอนั้นมักจะบอกให้เรารู้อยู่เสมอว่า แพลนของเขาจะทำอะไรหรือไปไหนบ้าง ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาจบอกผ่านเพื่อนเรามาก็ได้ หรือจากการคุยกันในกลุ่มเพื่อน
  • คนๆ นั้นมักจะยกเลิกธุระหรืองานอื่นๆ เพื่อใช้เวลาอยู่กับคุณเพียงคนเดียวได้ โดยไม่ต้องหาเหตุผล
  • เขา หรือเธอคน นั้นมักจะชวนคุณไปไหนมาไหนด้วยเสมอๆ หิวหรือเปล่า มาทานข้าวด้วยกันไหม เป็นคำชวนธรรมดาๆ ที่อาจแผงด้วยความรู้สึกที่พิเศษก็ได้นะ
  • คนๆ นั้น มักจะเข้ามาปลอบคุณยามที่คุณ กำลังรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังและต้องการใครซัก คน
  • คนๆ นั้นมันวงเวียนอยู่ใกล้ๆ ตัวเราเสมอ แต่บางครั้งเราอาจจะไม่รู้ตัวเลย
  • เมื่อคนๆ นั้นหันมาสบตากับเราเค้ามักจะหลบตาเสมอ
  • คนๆ นั้นมักจะยิ้มมาทางเราบ่อยๆ

ถ้าแคร์คำพูดแย่ ๆ ก็เท่ากับแพ้ใจตัวเอง




[size=+0][size=+0][size=+0][size=+0]
ถ้าแคร์คำพูดแย่ ๆ ก็เท่ากับแพ้ใจตัวเอง  
คำพูดบางคำทำร้ายคนฟังได้น่าดู
ถ้าจะให้ไม่แคร์เนี่ย ทำได้ยากแน่นอน

ฉันเคยรู้สึกแย่ กับคำพูดแย่ ๆ ของคนหลายคน
คำพูดของเขาทำให้เราหมดความนับถือตัวเอง
บางครั้งมันอาจถึงขนาดทำให้ชีวิตเปลี่ยนไป
บั่นทอนสุขภาพกายและใจ

คำพูดทิ้งยาพิษไว้ในใจเรา แล้วก็หนีลอยนวล

คนที่แย่คือคนฟังสิ...
ฉันเลยเปลี่ยนความคิดใหม่
พยายามหาเหตุผลเพื่อเข้าใจพวกเขา
คนที่ชอบติข้อบกพร่อง
ตอกย้ำปมด้อยของคนอื่น เพราะต้องการให้ตัวเองดูดี

คนพวกนี้มีปมด้อยในใจ ชอบสร้างคุณค่าให้ตัวเอง
โดยการติคนอื่น เพื่อลดคุณค่าของคนอื่น
จิตใจเขาขุ่นมัว มองไม่เห็นความดี ความสวยงาม

และสิ่งดี ๆ ในตัวคนอื่น เพื่อนำมาพูดถึง
บ่อยครั้งที่เรามักเจอคำพูดแย่ ๆ จากคนรอบข้าง

ถ้าไม่รู้จักดูแลจิตใจ ความรู้สึกของตัวเอง
เราจะถูกบั่นทอนทีละนิด...
  

คนข้าง ๆ ฉันคนหนึ่ง ชอบล้อปมด้อยของคนอื่น
ด้วยคำพูดรุนแรง แล้วหัวเราะอย่างมีความสุข
ว่าคนนั้นขาใหญ่ ว่าคนนี้ตัวดำ
ยิ่งถ้าเขาล้อใคร แล้วคนฟังนั่งปาดน้ำตา
เขายิ่งมีความสุข

ที่สำคัญคนที่เขาติ ก็เป็นเพื่อนที่แสนดีของเขาทั้งนั้น...

ฉันพยายามเข้าใจเขา เพื่อดูแลหัวใจตัวเอง
ไม่ให้ถูกบั่นทอนไปตามคำพูดของคนประเภทนี้

เข้าใจอย่างเดียวไม่พอ ต้องหาทางตอบโต้
เพื่อสะกิดให้เขารู้ตัวว่าเขากำลังติเราอยู่
เพราะเขาจะอาย และรู้ตัว
แต่ถ้าเราไปโวยวาย อับอาย
เขาจะยิ่งสนุก และทำบ่อยขึ้น
พอเขาว่าอะไรมา ฉันจะทำเฉย ๆ

เดี๋ยวเขาหมดสนุกก็เลิกไปเอง
ถ้ายังไม่เลิกต้องหาคำพูดเจ็บ ๆ

ตอบโต้ไปบ้าง


(อย่าว่าฉันร้ายนะ) แค่อยากให้เขารู้ตัว
แล้วได้ผลด้วย เขาจะเงียบไปพักใหญ่ ๆ เชียว
ที่สำคัญใจเราต้องหนักแน่น อย่าหวั่นไหว
ที่เขาว่ามา เป็นปมด้อยของเราก็จริง

แต่คนเราเลือกเกิดไม่ได้
ที่เขาติมาเพราะเขามองหาส่วนแย่ ๆ ของเราต่างหาก

ที่ดีๆ ก็มี แต่เขาไม่พูด
ตัวเราย่อมรู้ตัวเองดีที่สุด
เชื่อในคุณค่าของตัวเอง ไว้ใจตัวเอง
ดูแลหัวใจของเราให้ดี
เรียนรู้ที่จะปฏิเสธคำพูดแย่ ๆ จากคนอื่น
รู้แหล่งที่มาอย่างมีเหตุผล
แล้วจะไม่มีอะไรมาบั่นทอนหัวใจเราได้เลย... 






                                                        จาก ... กล้าที่จะก้าว  ของ  cartoon

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

28 ข้อนิยามความรัก

1. การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า คือการรักใครสักคน แต่ไม่มีความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้ และต้องมาเสียใจภายหลัง

2. พระเจ้าอาจจะต้องการให้เราพบคนที่ไม่ใช่..ก่อนที่จะมาพบคนที่ใช่ เพื่อเวลาเราพบคนคนนั้นแล้ว เราจะได้รู้สึกซาบซึ้งถึงพรที่ท่าน ประทานมา

3. ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคนอยู่ แม้จะแยกความ รู้สึก ความลุ่มหลง และความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว

4. สิ่งที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา แต่มาค้นพบภายหลังว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น และจะต้องปล่อยให้ผ่านพ้นไป

5. เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลงประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนานจนกระทั่งเรามองไม่เห็นประตู ที่เปิดไว้รอ

6. เพื่อนที่ดีที่สุดคือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกันโดยไม่พูดอะไร กันสักคำ แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึกเหมือนได้คุยกัน อย่างประทับใจที่สุด

7. เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จนกว่าเราจะสูญเสียมันไป แต่ก็จริงอีกเช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้างจนกระทั่งสิ่งนั้นเข้า มาหาเรา

8. การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคนไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงามขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ให้พอใจว่าอย่างน้อยมันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเราเอง

9. มีสิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของคนที่คุณอยากได้ยิน แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวกโดยไม่รับฟังสิ่งนั้นจากคนที่เขาบอกกับคุณจากหัวใจ

10. อย่าบอกลาถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้ว ถ้าคุณไม่สามารถทำใจ

11. ความรักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้ว่าจะผิดหวัง และมาเยือนผู้ที่ยังคงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน

12. การที่เราจะประทับใจใครนั้นใช้เวลาแค่เพียงนาที การที่เราจะชอบใครใช้เวลาเพียงแค่ชั่วโมง การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต

13. อย่ามองใครจากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้ อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันไม่จีรังยั่งยืน ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะเพียงยิ้มเดียว สามารถทำให้วันที่หม่นหมองกลับสดใส ขอให้คุณพบคนที่ทำให้คุณยิ้มได้

14. มีช่วงเวลาในชีวิตที่คุณคิดถึงใครสักคนจนกระทั่งอยากดึงเขา มาจากความฝันเพื่อกอดเอาไว้ขอให้คุณได้ฝันถึงคนพิเศษนั้น

15. ฝันถึงสิ่งที่คุณต้องการฝันไปในที่ที่คุณต้องการไปเป็นในสิ่งที่คุณต้องการ เป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว และมีโอกาสเดียวที่จะทำทุกสิ่งที่คุณต้องการ

16. ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณเข้มแข็ง มีความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์ และมีความหวังมากพอที่จะทำให้คุณเป็นสุข

17. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บปวดจากสิ่งเดียวกันเช่นกัน

18. คำพูดที่ไม่ได้ยั้งคิดอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง คำพูดที่โหดร้ายอาจทำลายชีวิต คำพูดที่เหมาะกาละเทศะอาจลดความเครียด คำรักอาจเยียวยาและทำให้มีสุข

19. จุดเริ่มของความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง อย่าดึงเขาจากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่ามันเป็นเพียงภาพสะท้อนของตัวเรา ที่ปรากฎในพวกเขา

20. คนที่มีความสุขที่สุดไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่เขามีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก

21. ความสุขรออยู่เบื้องหน้าผู้ที่มีน้ำตา ผู้ที่เจ็บปวด ผู้ที่ค้นหา และผู้ที่ พยายามแล้ว เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้จักคุณค่า-ของผู้คนที่ได้สัมผัสชีวิต

22. ความรักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม งอกงามด้วยรอยจูบ และจบลงด้วยคราบน้ำตา

23. อนาคตที่สดใสมีรากฐานอยู่บนอดีตที่แสนเจ็บปวด คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดี ถ้าหากไม่รู้จักปล่อยวางความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ

24. คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม จงมีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้ม ในขณะที่คนรอบข้างร้องไห้ให้คุณ

25. ความรักก็เหมือนกับการเสี่ยง คุณอาจจะต้องพบกับความล้มเหลว แต่ถ้าคุณไม่เสี่ยง คุณก็อาจจะต้องพบกับความล้มเหลวตลอดไป

26. ความรัก มักเหมือนแก้วบาง ถ้าหากคุณมือหนัก แก้วที่คุณถือ ก็อาจจะต้องแตกร้าวทุกครั้งที่คุณใช้มัน

27. ความรัก ง่ายที่เราจะหามัน แต่ยากที่จะรักษาเอาไว้ให้คงอยู่ตลอดไป

28. ความรัก เป็นเรื่องง่ายๆ ที่จะรักษามันไว้กับใจ หากคนทั้งคู่ ไม่ โง่...


Credit by http://variety.teenee.com/foodforbrain/345.html

วันอาทิตย์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2553

"เพื่อน" ไมสมควรเปลี่ยนเป็น "แฟน"



"เพื่อน" ไมสมควรเปลี่ยนเป็น "แฟน"
ทำไมผมจึงตั้งประเด้นนี้เหรอ เพราะผมมีความรู้สึกแปลกๆ กับการคบเพื่อนในห้องเป็นแฟนคับ
เพระาผมกลัวหลายๆอย่างว่า เขาจะเบื่อเรามั๊ย เขาจะไปมองใครไหม เราจะได้ต่อที่เดียวกันรึเปล่า เราจะยังรักกันไหมเมื่อห่างไกลกัน เขาจะไปแอบมีคนอื่นไหม มันผุดขึ้นมามากมาย จนเครียดเกินบรรยาย
แล้วไอการที่ผู้ชายหนึ่งคนไปจีบ ผู้หยิงหนึ่งคนเนี่ย มันอาศัยความกล้ามากคับ อย่างการชักชวน หรือการเข้าไปคุย สำหรับผู้ชายหลายคน มันคือเรื่องยาก เพราะเขาต้องรวบรวมความกล้ามากมาย
ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่รวบรวมความกล้า (โคตรนานคับ) ใช่ ผมรวบรวมแล้วตอนนั้น เท้ามันก้าวไปเอง ผมเลยคิด " อ่าวเห้ย เดินไปเอง เอาไงเอากันวะ " แล้วผมก็ชวนเขา แต่ผมโคตรอาย เลยพูดสั่นๆ เกร็งๆ หน้าตาไม่เป็นธรรมชาติสุดๆ  แล้วอีกฝ่ายเขาก็ปฏิเสธมา แบบทันทีทันควัน แล้วคุณจะเข้าใจเมื่อโดนปฏิเสธคับ  โดนปฏิเสธตอนคุยกันในที่ลับตาคน หรือ ไม่มีคนอยู่ข้างๆ มันพอทำใจรับได้ แต่ผมพูดกลางห้อง แล้วเพื่อนอยู่รายล้อม เขาตอบกลับมาดังๆว่า " ไม่เอาอ่ะ "  แบบ ฟ้าผ่ากลางอกคับ แล้วหน้าแตก ผมก็รีบเดินออกมา แล้วไปยืนห่างๆเขาหน่อย แล้วเพื่อนแถวๆนั้นก็หันมาหัวเราะใส่ผม คุณคิดดู ใครมันจะกล้ากลับไปคุยอีกล่ะคับ ?   ไอแค่นี้ผมยังพอหน้าด้านเข้าไปคุยได้อีกนะ แต่มันมีทุนเดิมจาก วันเก่าๆ ที่เขาเคยทำตัวแปลกๆ เคยพูดแปลกๆ เคยทำแปลกๆ เขาทำผมสับสนมากคับ ผมสับสนแบบสุดชีวิตอะตอนนั้น
ว่าสรุป เขาชอบเราหรือไม่ชอบกันแน่ ที่เขาทำเดี๋ยวดีเดี่ยวร้าย เดี๋ยวเหมือนมีใจให้ เดี๋ยวเหมือนไม่มีใจให้
ผมเลยไม่กล้าไปคุยกับเขาอีก แล้วผมก็เพิ่งได้ฟังจากเพื่อนว่า การที่เราไม่เข้าไปคุยกับเขาน่ะ มันทำให้อีกฝ่ายคิดประมาณว่า เราเห้นแก่ตัว เราหยิ่ง ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ แต่ผมก็ทำไปโดยคิดแค่ว่า เราไม่กล้า
แต่ผมก็คงดดนเขามองผมในแง่ที่เพื่อนบอก ผมเลยคิดว่า นี่กุคงฆ่าตัวตายไปแล้วล่ะ แล้วเมื่อวานก่อน ผมเห้นเขาออนเอ็ม แล้วรีบออกไปเลย ผมยิ่งคิดไปใหญ่ เขาไม่อยากคุยกับเราแน่ !

จบคับ ชีวิตนี้ ทำไงได้ล่ะ มันยังชอบนี่หว่า แต่ไม่กล้าคุย แล้วเขาก็เริ่มทำตัวห่างไปแล้วด้วย
นี่เป้นบทเรียนอย่างนึงของผมคับ รักใครชอบใคร อย่ามัวคิดเอาเองว่า เราไม่ดีพอ
ซึ่งผมคิดแบบนั้นมาแรมปี  แล้วเพิ่งจะมากล้าเอาตอนนี้ ซึ่ง " มันคงจะสายไป " สำหรับผมแล้ว
ขอบคุณที่อ่านกันคับ เพื่อน !

เหวี่ยงจนได้เรื่อง!! แตงโม ออกขอโทษสื่อผ่านยูทูป

แตงโม ออกขอโทษสื่อผ่านยูทูป
แตงโม ออกขอโทษสื่อผ่านยูทูป
จากกรณีที่นางเอกสาว แตงโม ภัทริดา แสดงอาการไม่พอใจผู้สื่อข่าวบันเทิงและใช่ถ้อยคำต่อว่านักข่าวบันเทิงคนหนึ่งว่าหน้าไม่อาย จนทำให้บรรดาผู้สื่อข่าวทุกสำนักพร้อมใจกันแบนแตงโม แต่หลังจากมีข่าวออกมา แทนที่นางเอกสาวจะสำนึกถึงพฤติกรรมดังกล่าว กลับไปโพสต์แสดงความคิดเห็นบนเฟซบุ๊กของ 'พลอย-เฌอมาลย์' ว่า ตนเองไม่ผิด พร้อมแสดงความคิดเห็นอย่างรุนแรงอีกว่า ถ้านักข่าวไม่มีดาราให้สัมภาษณ์ ก็ไม่มีงาน ส่วนดารานั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งนักข่าว เพราะดังได้ด้วยความสามารถของตัวเอ
ล่าสุด เธอได้ออกมาขอโทษผ่านทางยูทูป อ้างเหตุผลว่าไม่มีเจตนาเหวี่ยงใส่นักข่าวแต่อย่างใด และไม่ได้ถูกทางผู้ใหญ่บีบให้ออกมาขอโทษด้วย 
ย้อนถึง ชนวนเหตุดังกล่าวที่เกิดขึ้น นางเอกสาว "แตงโม" ได้ไปร่วมโชว์ตัวร้องเพลงในคอนเสิร์ต รวมเด็ดละคร 7 สี ที่ผ่านมาร่วมกับ ดารานักแสดงในสังกัด หลังจากนักแสดงเสร็จภารกิจโชว์เพลงมักจะถูกนักข่าวขอสัมภาษณ์ เพื่ออัพเดทความเคลื่อนไหวตามปกติ และในครั้งนั้น นางเอกสาว "แตงโม" เอง ก็เป็นที่สนใจของเหยี่ยวข่าวด้วยเช่นกัน เพราะทุกคนต้องการอัพเดทเรื่องความรักของเธอ ที่เพิ่งจะกลับมาคืนดีกับหนุ่มแต๊งค์ได้ไม่นาน แต่แทนที่นางเอกสาวจะให้สัมภาษณ์ด้วยดี กลับแสดงอารมณ์ฉุนเฉียว พร้อมประกาศกร้าวไม่ขอพูดถึงเรื่องความรักในการสัมภาษณ์ครั้งนี้
แต่นักข่าวไม่ละความพยายาม เพราะสงสัยเหตุใดเธอจึงไม่อยากพูดถึงความรักกับ "หนุ่มแต๊งค์-พงศกร" หวานใจ ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยที่จะปิดบังเรื่องความรักสักเท่าไหร่ หลังถูกนักข่าวรุมสัมภาษณ์หนัก ๆ เข้า ทำให้เจ้าตัวรู้สึกหงุดหงิด พร้อมระเบิดอารมณ์และต่อว่า "นักข่าวหน้าไม่อายหรือยังไง โมบอกแล้วว่าไม่ขอตอบเรื่องความรัก ก็ยังจะถามอยู่ได้" ทําเอาผู้สื่อข่าวที่รุมสัมภาษณ์ครั้งนั้น ถึงกับเหวอไปตาม ๆ กัน

ชมคลิปขอโทษของแตงโม 

สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก สร้างปรากฏการณ์ สุดปลื้มรายได้มุ่งสู่ร้อยล้าน



หนัง สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก สร้างปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ทุกหัวใจซูฮก ผกก.เสนาเพชร สุดปลื้มรายได้มุ่งสู่ร้อยล้าน

จากที่ก่อนหน้าถูกมองเป็นหนังรักเล็กเล็กของวัยใสธรรมดาๆ สำหรับภาพยนตร์ "สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก" ของสองค่ายยักษ์ใหญ่ "สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล" และ "เวิร์คพอยท์ เอนเตอร์เทนเมนท์" แต่หลังจากที่ได้เข้าฉายให้คอหนังไทยได้พิสูจน์มาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนสิงหาคม ปรากฏว่าหนังรักเรื่องนี้กลับสร้างปรากฏการณ์ของหนังไทยที่ได้กระแสชื่นชมจากคอหนังแบบปากต่อปากได้สำเร็จ เหมือนสมัยที่หนังคุณภาพอย่าง "โหมโรง" และ "รักแห่งสยาม" เคยสร้างปรากฏการณ์แบบนี้ได้มาแล้ว ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้รับเสียงชื่นชมอย่างถล่มทลายทั้งจากในเว็บพันทิบที่มีบรรดาคอหนังเข้าไปพูดคุยถึงความประทับใจกว่า 300 กระทู้ รวมไปถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์และอาการอินกับหนังในหลายๆสื่อ จนเกิดการรวมตัวจากบรรดาคอหนังที่ตกหลุมรักหนังเรื่องนี้จนเกิดเป็นกลุ่มแฟนคลับกันขึ้นมาเลยทีเดียวและที่สุดยอดคือถึงแม้จะต้องเจอคู่แข่งที่น่ากลัว แต่สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารักก็ยังคงยืนหยัดยืนโรงฉายอย่างมั่นคง และล่าสุดก็กำลังกวาดรายได้มุ่งสู่ 100 ล้านอย่างเต็มภาคภูมิ งานนี้ 2 ผู้กำกับอารมณ์ดี "เสนาเพชร-พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร" และ "วศิน ปกป้อง" ที่เพิ่งมีผลงานกำกับเรื่องแรกก็สามารถสร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จได้อย่างทันที ก็ยิ้มกันหน้าบานไปตามระเบียบ โดยเสนาเพชรหนึ่งในผู้กำกับก็ขอพูดความในใจว่า

"ก็รู้สึกดีใจที่สุดครับ หลายคนบอกว่าผมกับวศินคงเป็นผู้ชายสองคนที่มีความสุขที่สุดในโลกตอนนี้ คือผมสองคนดีใจมากที่มีคนรักคนชอบหนังเรื่องนี้ขนาดนี้ ทีมงานนักแสดงที่ลุยที่เหนื่อยกันมาปีกว่า มันหายเหนื่อยไปหมดเลย จริงๆ ตอนที่หนังเข้าฉายเราทุกคนในนามหนังเรื่องนี้ยังไม่กล้าคาดหวัง แค่อยากให้เขาเปิดใจมาดูกัน อยากให้มารู้ว่านี่ไม่ใช่หนังรักเด็กๆ ธรรมดานะ แต่มันคือสิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารักของทุกคนจริงๆ อย่างในเว็บพันทิบซึ่งเรามั่นใจว่ามาจากคอหนังจริงๆ ก็มาพูดถึงและชื่นชมหนังกันอย่างอบอุ่นมาก คือมันมาจากความรู้สึกของคนที่ตกหลุมรักหนังเรื่องนี้จริงๆ อยากขอบคุณที่รักงานของเรา รักนักแสดงของหนังเรื่องนี้ ใครที่ยังไม่ได้ดูก็อยากให้มาสัมผัสความรู้สึกดีๆ ของหนังเรื่องนี้ร่วมกันครับ"

ถือเป็นปรากฏการณ์ครั้งหนึ่งที่วงการภาพยนตร์ไทยต้องจารึกไว้สำหรับเรื่องราวความรักเล็กเล็กแต่ยิ่งใหญ่ กับภาพยนตร์ที่สร้างจากความรักของทุกคน "สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่ารัก" วันนี้ทุกโรงภาพยนตร์










2 ผู้กำกับหนัง เสนาเพชร-พุฒิพงศ์ และ วศิน ปกป้อง (คนขวา)
2 ผู้กำกับหนัง เสนาเพชร-พุฒิพงศ์ และ วศิน ปกป้อง (คนขวา)
แหล่งอ้างอิง : http://movie.sanook.com/news/news_17611.php

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

CBCP starts reviewing sex education modules

Data From : SchoolBus

Malaya2010-06-28
The Catholic Bishops Conference of the Philippines (CBCP) is reviewing the controversial sex education modules that are supposed to be integrated into the basic education curriculum this school year. Education Secretary Mona Valisno said Bishop Oscar Cruz told her over the weekend that the CBCP’s Commission on the Family and Life is going over the modules and will...

วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553

"Big CLEAN By My Friends Complete !!"

และนี่คือ ~~~~~ My Room 6/2




วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

การ รับประทานอาหารเช้า

Data From : Guru Sanook

   วันนี้คุณกินข้าวเช้าหรือยัง หมอที่โรงพยาบาลฯ อบรมว่าทุกคนต้องกินอาหารเช้าให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมาก ได้ หลากหลาย เพราะเมื่อร่างกายไม่มีพลังงานจากอาหารเช้าไปใช้ ร่างกายจะดึงสารอาหารจากอวัยวะส่วนอื่นออกมา (ไม่ใช่ไขมัน ไขมันยังอยู่เหมือนเดิม) ซึ่งภายใต้กระบวนการนี้จะเกิดกรดชนิดหนึ่งออกมาด้วย
          ซึ่งการที่เรา บอกว่าไม่กินข้าวเช้า ก็ยังทำงานได้เป็นปกติมาตั้งหลายปีแล้ว นั่นคือ ร่างกายได้นำเอากรดที่เกิดขึ้นมาใช้แทนพลังงานทุกวัน เราจึงทำงานโดยใช้กรดแทนพลังงาน และเมื่อร่างกายต้องผลิตกรดออกมาบ่อยๆ พออายุมากขึ้นเราก็จะเป็นโรคตามมาหลายอย่าง นอกจากนี้ เรารู้หรือไม่ว่า
          โดยปกติแล้วร่างกายของมนุษย์เราผลิตสารพิษอยู่ภายในร่างกายตลอดเวลา เป็นขยะ เหมือนรถที่เมื่อเติมน้ำมันเข้าไปแล้วก็จะมีควันออกมา ภาษาทางการแพทย์เขาเรียกขยะในร่างกายนี้ว่า สารอนุมูลอิสระ (oxidant) เกิดจากการสันดาปพลังงานของร่างกาย แล้วคายของเสียออกมา (ไม่ใช่อุจจาระนะ คนละแบบ)
          นอกจากนี้ร่างกายจะเร่งผลิตสารอนุมูลอิสระอีกก็ต่อเมื่อ เวลาเราเครียดหรือต้อง ทำงานหนัก ใช้สมอง ประกอบกับเจอมลภาวะต่างๆ สภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ อุปนิสัยการดื่มสุรา สูบบุหรี่ ก็ยิ่งเป็นตัวสร้างให้เกิดสารพิษนี้มาก การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอตอนกลางคืนเป็นหนทางและเวลาสำคัญที่ร่างกายจะ สร้า งสารต่อต้านสารอนุมูลอิสระ (anti-oxidant) ขึ้น เพื่อกำจัดสารอนุมูลอิสระที่เกิดตอนกลางวัน การนอนให้เพียงพอและหลับสนิทจะเป็นประโยชน์ไม่เฉพาะการกำจัดของเสีย แต่ยังช่วยให้เม็ดเลือดแดงของคนเราแข็งแรง สร้างฮอร์โมนเพศทำให้ร่างกายสมบูรณ์ มีน้ำมีนวล

          คุณหมอเอาภาพขยายเม็ดเลือดแดงของผู้จัดการชายอายุ 35 คนหนึ่งซึ่งเป็นคนไข้มาให้ดู เปรียบเทียบกัน 2 ภาพ ผู้ชายคนนี้เหมือนมนุษย์งานทั่วไป ทำงานหนักและเครียดขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ ปรากฎว่าจำนวนเม็ดเลือดแดงของเขามีลักษณะเป็นก้อนขยุกขยุยไม่เป็นรูปทรงกลม เหมือนกลุ่มเม็ดเลือดแดงที่ควรเป็น เกิดความผิดปกติขึ้นเนื่องจาสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจำนวนมากไปทำลายเซลล์ เม็ดเลือดแดงในร่างกาย ซึ่งก็จะนำมาซึ่งโรคร้ายจำนวนมากอย่างที่คนไทยกำลังนิยมอยู่ จงจำไว้ว่า
          1. ทานอาหารเช้าแบบราชา อาหารกลางวันพอประมาณ และอาหารเย็นแบบยาจก หลีกเลี่ยงไขมันและของหวาน ออกกำลังกายให้ได้วันละอย่างน้อย 30-40 นาที(20นาทีแรกร่างกายเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต อีก 10-20 นาทีต่อมาร่างกายจึงจะค่อยเผาพลาญไขมัน)

          2.นอนหลับ หรือ หลับนอนก็แล้วแต่ ให้เพียงพอ

          3.รับแสงแดด ช่วง 8.00-9.00 ซึ่งมี UV ที่เป็นประโยชน์

          4.พยายามเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการหัวเราะ ขำขัน ถ้าบ้าได้ก็ดี ชีวีจะเป็นสุข

หมายเหตุ : สรุปบางส่วนจากการฟังสัมมนา ณ ร.พ.บำรุงราษฎร์ โดยน.พ.พันธุ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์
ที่มา http://heyhaparty.blogspot.com/2007/10/blog-post_853.html


วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553

Math E-Book (คณิตศาสตร์ ม.ปลาย)

แหล่งอ้างอิง : http://math.kanuay.com/index.php


เป็นเอกสารแบบ .PDF ซึ่งประกอบด้วย เนื้อหาวิชาคณิตศาสตร์ตามหลักสูตร ม.ปลาย และโจทย์แบบฝึกหัด ที่เรียงลำดับจากง่ายไป
ยาก พร้อมทั้งเนื้อหาที่ควรทำความเข้าใจเพิ่ม
เติม นอกจากนี้ในตอนท้ายยังมีโจทย์ข้อสอบ
เข้ามหาวิทยาลัย วิชาคณิตศาสตร์ จำนวน 17 ฉบับ (ต.ค.41 ถึง มี.ค.51) และข้อสอบความ
ถนัดทางวิศวะฯ (ข้อที่เป็นคณิตศาสตร์) ซึ่ง
ทั้งหมดนี้ผู้เขียนจัดทำขึ้น ก็เพื่อใช้ประกอบ
การสอนเป็นหลัก ในท้ายบทเรียนและท้ายข้อสอบ มีเฉลยคำ
ตอบและเฉลยวิธีคิดไว้ให้ แล้วครบทุกข้อ ... เชื่อว่าหากผู้อ่าน Math E-Book ฉบับนี้ได้ให้เวลาทำความ
เข้า ใจเนื้อหาอย่างถี่ถ้วน และฝึกทำโจทย์แบบฝึกหัดไปทีละขั้นๆ พร้อมกับตรวจเฉลยไปด้วย ก็จะ
ติดตามบทเรียนจนจบได้อย่างลุล่วง (แต่หากมีข้อสงสัยก็ควรถามจากผู้รู้ทันที ไม่ควรปล่อยให้ติดค้าง
ต่อไป :)
E-Book ฉบับนี้แจกให้ใช้อ่านส่วนบุคคลได้ฟรี! (การนำไปใช้ในงานอื่นๆ ต้องได้รับการ
ยินยอมก่อนครับ)
... หากท่านผู้อ่านมีข้อสงสัย คำแนะนำ หรือต้องการแจ้งข้อบกพร่อง กรุณา
ติดต่อ ที่ kanuay@hotmail.com หรือโพสต์ข้อความไว้ในเว็บ บอร์ดครับ ..และนอกจากนั้น ยัง
สามารถฝากที่อยู่อีเมลไว้ เพื่อรับแจ้งข่าวอัพเดททัน ใจ จากเว็บ Math E-Book ด้วยครับ

Download :
Mediafire : ClickHere
Mirror 2  :  ClickHere

เนื้อหาภายใน Math E-Book



  • Math E-Book Release 2.2.04

      (26 เม.ย. 50)
    เป็นฉบับเต็มๆ ล่าสุด ที่เปิดให้ดาวน์โหลดอยู่ครับ .. ภายในเล่มประกอบด้วย
1. เนื้อหา : ครบทุกหัวข้อตามหลักสูตรใหม่ ม.ปลาย อย่างกระชับที่สุด
+ เนื้อหาที่ควรทำความเข้าใจเพิ่มเติม และตัวอย่างโจทย์
+ ข้อสังเกต, จุดที่ผิดบ่อย, ข้อควรระวัง, ดรรชนีค้นคำ
+ เรื่องแถม 9 เรื่อง ในหน้าว่างหน้าสุดท้ายของ 9 บท

2. แบบฝึกหัด : เรียงลำดับจากง่ายไปยาก
+ เฉลยคำตอบ และเฉลยวิธีคิด อยู่ตอนท้ายของแต่ละบท

3. ข้อสอบเอ็นท์ฯ : โจทย์และเฉลยวิชาคณิตศาสตร์1 (ต.ค.41 ถึง มี.ค.48)
+ วิเคราะห์ข้อสอบแยกตามหัวข้อในบทเรียน
+ สถิติช่วงคะแนนย้อนหลัง (ต.ค.41 ถึง มี.ค.48)
+ รายละเอียดเกี่ยวกับการสอบแอดมิสชั่นส์ (ตั้งแต่ 2549 เป็นต้นไป)
+ โจทย์ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย พื้นฐานวิศวะฯ ปี 32-48 (เฉพาะข้อคณิตศาสตร์)

4. ภาคผนวก : สรุปเนื้อหาทุกบทแบบเข้มข้น (41 หน้า / ปรับปรุงใหม่)
+ โจทย์สำหรับทดสอบ (Pre-Ent) วิชาคณิตศาสตร์ จำนวน 3 ชุด พร้อมเฉลย

  • Math E-Book Release 2.9

      (preview#3 เร็วๆ นี้)
    ขณะนี้พัฒนาถึงรุ่น R2.9 preview#2 ..ซึ่งมีเนื้อหา 4 บทแรก และข้อสอบถึงปี 2551
ปรับปรุงครั้งใหญ่ ฉลองยอดโหลด 1 แสนครั้ง มีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนเช่น..

• จัดรูปแบบเอกสารใหม่ทั้งหมด เพื่อให้อ่านง่ายสบายตายิ่งขึ้น
• ตรวจสอบความถูกต้องของทุกหน้าโดยละเอียด
• เพิ่มเติมคำอธิบายเนื้อหา และตัวอย่างประกอบ
• ปรับปรุงเฉลยวิธีคิด (ของแบบฝึกหัด และข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย) ทั้งหมด
• เพิ่มเติมข้อมูลการเรียงลำดับโจทย์ข้อสอบ จากง่ายไปยาก
• เพิ่มข้อสอบและเฉลย A-NET 2549-2551 วิชาคณิตศาสตร์ และความถนัดวิศวะ
• ตัดบางส่วนที่ไม่จำเป็น หรือล้าสมัย ออกไป เพื่อไม่ให้จำนวนหน้ามากเกินพอดี

  • ผลงานเล่มอื่นๆ..

      เช่น ฉบับเข้มข้น, O-NET สนทนา, ตะลุยโจทย์, ฉบับขี้หลอก ฯลฯ
    ติดตามรายละเอียดได้ที่ หน้านี้ ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ใบความรู้เรื่องประเภทของเพลง

ใบความรู้เรื่องประเภทของเพลง

รายวิชา ดนตรี - นาฏศิลป์  ศ 33101  ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6

*****************************


 ประวัติเพลงโยสลัม 
เพลงโยสลัม เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองเร้าใจ สนุกสนาน ใช้ร้องในการแสดงละครมาแต่โบราณ 
นอกจากนี้ ยังนิยมนำไปร้องรับดนตรีในขณะที่บรรเลงออกภาษาต่างๆ ได้แก่ ภาษาฟรั่ง 
จังหวะกลองที่ใช้ประกอบเพลงนี้มีลักษณะเป็นเพลงมาร์ช ส่วนบทร้องที่นิยมใช้จะขึ้นต้นว่า   
ปากเป็นเอกเลขเป็นโทโบราณว่า หนังสือดนตรีมีปัญญาไม่เสียหลาย  
ซึ่งเป็นบทประพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 จากเรื่อง วิวาห์พระสมุทร และ ใช้ร้องกันอย่างแพร่หลาย


เนื้อร้องเพลงโยสลัม 
           ปากเป็นเอกเลขเป็นโทโบราณว่า                            หนังสือตรีมีปัญญาไม่เสียหลาย
ถึงรู้มากไม่มีปากลำบากตาย                                             มีอุบายพูดไม่เป็นเห็นป่วยการ
ถึงเป็นครูรู้วิชาปัญญามาก                                                ไม่รู้จักใช้ปากให้จัดจ้าน
เหมือนเต่าฝังนั่งซื่อฮื้อรำคาญ                                           วิชาชาญมากเปล่าไม่เข้าที
ใครช่างพูดพลิกแพลงเหมือนแรงมาก                                  คนนิยมลมปากมากเจียวพี่
ถึงรู้น้อยถ้อยคำให้ขำดี                                                    คนเป็นที่สมคะเนที่เฉโก


นอกจากนี้โรงเรียนสุรศักดิืมนตรี ยังได้นำทำนองเพลงโยสลัมมาเป้นเพลงประจำโรงเรียนในสมัยของ
อาจารย์สำเริง นิลประดิษฐ์  เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน และได้มอบให้อาจารย์ สายพิณ  วริทรเสช เป็นผู้แต่งเนื้อร้อง


เนื้อร้อง
             อันพวกเราเหล่านักเรียนสุรศักดิ์                   ต่างพร้อมพรักสามัคคีดีหนักหนา
รักษาเกียรติรักความดีมีวิชา                                     การศึกษารุดหน้ายิ่งมิกริ่งใคร
พระพุทธภาษิตประดิษฐ์คำ                                      เราต่างจำใส่ดวงจิตคิดสดใส
ธัมเมฐิตังนะ วิชชหาติ กิตติไว้                                  อยู่คู่ใจยึดมุ่นนิรันดร์กาล
แปลความว่าธีระชนคนที่ดี                                       เกียรติย่อมมีคงอยู่ทุกหมู่สถาน
ผู้ตั้งมั่นในธรรมะงามตระการ                                    จิตเบิกบานทั่วหน้าสถาพร
ฮะนั้นเราทั่วหน้าควรปราโมทย์                                  เพื่อประโยชน์ภิญโญสโมสร
จงพร้อมพร้องพจนารถประสาทพร                             สุรศักดิ์ถาวรชโยเอย

************************