|
หน้าเว็บ
พูดคุยกันได้ที่นี่ ! ShoutMix
วันเสาร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2553
อย่าทำร้ายความรักของคุณ ด้วยคำว่าเบื่อ
ขอเพียงอย่านำดวงใจ .. ไปให้ใครเหยียบเล่น
เมื่อต้องการความสุขที่ยั่งยืน
มาเป็นรางวัลตอบแทนการเกิดมาของชีวิต
เราไม่ควรที่จะให้จิตใจไหลลู่
ตามแรงโน้มถ่วงของอารมณ์
ไม่ควรให้ความรู้สึกที่ติดลบมาเหยียบย่ำชีวิตจิตใจ
แล้วต้องทำให้เราเป็นได้แค่ผู้ยอมจำนน
การเรียกร้องเพื่อได้ครอบครองความสุขแต่ปฏิเสธที่จะอยู่กับความทุกข์ เชื่อว่าเป็นธรรมดาที่เราทุกคนล้วนมีความรู้สึกเช่นนั้น เพราะเรามักจะคิดว่าความสุขเป็นสิ่งที่ชวนให้เข้าไปสัมผัส แต่ความทุกข์เป็นสิ่งที่ควรผลักไสออกไปให้ไกลตัว
แต่ผู้อ่านสังเกตไหมว่า แม้เราจะเกลียดความทุกข์ หรือต้องการหันหน้ามารักกับความสุขมากเพียงใด แต่หากไม่เข้าใจวิธีสร้างสุขให้เกิดมีแก่ตัวเรา และไร้วิธีปลดปล่อยความทุกข์ให้ออกไปไกลตัว เราก็ยังเชื่อว่ามีความทุกข์ที่พร้อมจะทอดเงาไปกับเราอยู่ทุกเมื่อเช่นเคย
ผู้อ่านลองสังเกตต่อไปอีกว่า หลายครั้งที่เราชอบชี้บอกเพื่อให้คนอื่นมีความสุข แต่หลังฉากของความสุขนั้น เรากลับต้องจมอยู่กับความทุกข์เสียเอง เป็นประเภทหน้าชื่นแต่อก ตรมอย่างน่าสงสาร ทั้งที่บางครั้งปัญหาที่คนอื่นมองว่าใหญ่หลวงยิ่ง เรากลับมองว่ามันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ไม่น่าจะก่อให้เกิดความวุ่นวายได้แต่อย่างใด เพราะเรามองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจ และรู้จักวางใจที่จะทำความรู้จักกับปัญหาอย่างรู้เท่าทัน
ตรงกันข้าม เมื่อวันหนึ่งเราประสบกับปัญหา ที่ทำให้ความทุกข์มากลุ้มรุ้มจิตใจ เราเองกลับรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ช่างเป็นเรื่องลำบากที่จะผ่านมันไป ทั้งที่เรื่องที่เกิดขึ้นคน อื่นกลับมองว่า มันเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้ การจะแสวงหาความสุขให้เกิดขึ้นกับชีวิตจิตใจของเรา จึงไม่ใช่อยู่ที่การสัมผัสแค่ความสุขที่ได้รับเท่านั้น แต่รวมถึงการทำความรู้จักความทุกข์ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยความเข้าใจอีกด้วย
พระพุทธศาสนาสอนไว้ว่า ธรรมชาติของชีวิตนั้น มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป เมื่อใดที่เราเข้าใจกระบวนการเกิดขึ้นของสิ่งต่างๆ อย่างรู้เท่าทัน ไม่หลงประเด็นในเรื่องราวที่ปรากฏ เราย่อมเกิดปัญญาจากสิ่งที่เคยถูกมองว่าเป็นปัญหาเสมอ แต่สำหรับคนทั่วไป เวลาประสบกับความทุกข์หรือปัญหา เรามักปฏิเสธที่จะทำความเข้าใจมัน โดยอาศัยการเบี่ยงเบนไปที่อื่น เพื่อกลบเกลื่อนความทุกข์ที่มีอยู่ เพราะเราชอบคิดเข้าข้างตัวเองเสมอว่า ความทุกข์นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ โดยไม่ต้องลงมือแก้ไขที่จิตใจแต่อย่างใด เราก็สามารถที่จะผ่านมันไปได้เช่นกัน
หลายคนจึงชอบใช้วิธีเลี่ยงความทุกข์ ด้วยการไปทำอย่างอื่นแทน อาจแสวงหาวัตถุเงินทองเพื่อมาบำบัดให้ทุกข์ทุเลา เมื่อใช้วิธีหลบเลี่ยงอยู่นานวัน และรู้สึกว่ามันแก้ไขได้ เราจึงคิดว่าสิ่งเหล่านี้แหละ คือเครื่องมือในการกำจัดทุกข์หรือปัญหาอย่างถาวร ทำให้เราพลัดหลงจากความจริงที่ควรรับรู้อย่างน่าเสียดาย เราจึงบ่ายหน้าไปสู่กับดักของความทุกข์ โดยที่เราเองก็ยินดีที่จะเป็นทาสรับใช้ ซึ่งเหมือนกับการนำชีวิตที่มีค่าไปฝากไว้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่า สุดท้ายเราจึงถูกทำร้ายให้เจ็บช้ำในเวลาต่อมา
ความสุขที่ควรจะเกิดขึ้นแก่เรา จึงเป็นพียงภาพลวงตาที่เราเข้าใจว่ามันใช่เท่านั้น แม้วันหนึ่งเราอาจต้องการหนีออกไปให้ไกลจากความทุกข์ที่มาคุมขังเรา ภาพลวงของความร้ายก็มักทำลายคุณค่าหลายๆอย่างให้หายไปจากเรา เกินกว่าจะกู้กลับคืนมาได้ดังเดิม แต่เมื่อเรารู้จักสร้างความเข้าใจให้กับตัวเอง รู้จักดูแลจิตใจอันเป็นหัวใจหลักของการมีชีวิตอยู่ ด้วยการอาศัยสติมาคอยดูแล เพื่อให้ทุกอย่างได้ดำเนินไปอย่างเข้าใจ นั่นชื่อว่าเรากำลังสร้างวิธีให้ใจของเราได้ทำหน้าที่อย่างที่มันควรจะเป็น เป็นการให้ชีวิตจิตใจของเราได้เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างมีคุณค่า เพื่อให้ชีวิตได้เป็นแหล่งพักของสิ่งต่างๆอย่างที่มันควรจะเป็น โดยให้ใจได้ทำหน้าที่รับรู้สิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามา แล้วทำการแยกแยะสิ่งดีและร้ายให้ออกจากกัน
พร้อมกันนั้น ก็ให้ใจได้เรียนรู้ทั้งด้านบวกและด้านลบของปัญหา แล้วรู้จักที่จะสร้างปัญญาจากความยุ่งยาก ที่เคยทำให้ผู้ที่ไร้สติครองน้ำตานองหน้ามาก่อน ได้แปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจ เพราะรู้เท่าทันปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อทำได้เช่นนี้ ทุกการเคลื่อนไหวของชีวิตจิตใจที่เราได้ครอบครอง ก็พร้อมที่จะแปรขบวนชีวิต ให้เป็นไปในกรอบของความดีงามตามวิถี ซึ่งช่วยฟ้องให้เรารู้ว่าชีวิตมีค่าเสมอหากเราเข้าใจมัน
พระพุทธเจ้าเมื่อครั้งยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ แม้จะถูกล้อมกรอบให้ลุ่มหลงในความเป็นเจ้าฟ้ามหากษัตริย์เพียงใด แต่พระองค์ก็ไม่ยอมที่จะให้สิ่งร้ายๆ มาครอบครองพื้นที่ชีวิตทั้งหมด พระองค์ได้เรียนรู้ที่จะฝึกใจให้เข้มแข็ง ด้วยการหมั่นไตร่ตรองข้อบกพร่องที่มีอยู่ เพื่อให้เห็นความจริงที่ชีวิตควรจะรู้จัก จนเมื่อการฝึกฝนที่จะออกจากปัญหาสุกงอม พระองค์จึงเลือกที่จะสละความเป็นเจ้าชาย แล้วมาอยู่กับเหตุผลของคนธรรมดาที่สามารถบรรลุสัจธรรมในชีวิตได้
เหตุผลหลักที่ทำให้เจ้าชายผู้เคยอยู่สุขสบายในทางโลกได้เลือกเปลี่ยนมา อยู่กับความสุขสงบทางธรรม เพราะพระองค์ได้เรียนรู้ว่า ตราบใดที่ชีวิตยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ แม้วันนี้อาจรู้สึกว่ายังสุขสบายดี แต่หากความสุขนั้นเป็นของปลอม เราย่อมบ่ายหน้าไปสู่ความทุกข์ในครั้งใหม่เช่นเดิม แต่หากยอมเหน็ดเหนื่อยในวันนี้ ด้วยการฝืนทวนกระแสความคิดที่มาบังคับเพื่อหลอกให้เราทำตาม แม้เบื้องต้นอาจเหนื่อยล้าเพราะถูกปัญหารุมเร้า แต่เมื่อฝึกฝนจนก้าวผ่านได้ ทุกหยาดเหงื่อของความรู้สึกที่เคยร้อนลน ย่อมกลายเป็นน้ำฝนที่พร่างพรมลงมาให้เรารู้สึกเย็นใจได้ในทุกครั้งที่สัมผัส
ดังนั้น เมื่อต้องการความสุขที่ยั่งยืนมาเป็นรางวัลตอบแทนการเกิดมาของชีวิต เราไม่ควรที่จะให้จิตใจไหลลู่ตามแรงโน้มถ่วงของอารมณ์ ไม่ควรให้ความรู้สึกที่ติดลบมาเหยียบย่ำชีวิตจิตใจ แล้วต้องทำให้เราเป็นได้แค่ผู้ยอมจำนน แต่เราควรรู้จักเรียนรู้และทนฝืนความรู้สึกที่เป็นการตามใจ ให้เปลี่ยนมาเป็นความต้องการที่จะฝึกฝืน เพื่อให้ผ่านความรู้สึกที่เคยชื่นชอบ ให้มาเป็นความเข้าใจตามความเป็นจริง โดยมีสติปัญญาเป็นผู้คอยกลั่นกรองให้เห็นความสงบนิ่งของใจแทน
แล้ววันหนึ่งที่ฝึกฝนจนสอบผ่าน เราย่อมมีจิตใจที่แข็งแกร่งเป็นของตัวเอง ซึ่งจะเป็นเครื่องนำพาให้เราได้เดินไปสู่ชีวิตที่สงบสุข และมีความงามของการสร้างสรรค์ ดั่งคนที่ไร้ทุกข์ทางจิตอย่างถาวร
เมื่อถึงวันนั้น ความทุกข์ที่เคยเหยียบย่ำให้เจ็บช้ำ ก็จะกลายเป็นครูสอนให้เราฉลาดขึ้น และทำให้เรากล้าที่จะก้าวข้ามปัญหา เพื่อไปสู่การเกิดปัญญาชนิดใหม่ ที่จะทำให้เราเป็นผู้ขึ้นไปยืนอยู่เหนือความทุกข์ทั้งปวงได้อย่างสง่างาม
ต่างคน ต่างอยู่ ... จะดีหรือ
โดย: สราญดี
หลายคนรู้สึกว่าการเอาอกเอาใจอีกฝ่ายเพื่อถนอมความสัมพันธ์ มันช่างเป็นงานแบกอิฐแบกปูนแท้ ๆ
เมื่อเราเบื่อกันและกัน ก็เลิกอยากจะถกเถียงเพื่อหาทางแก้ไข เลิกใส่ใจกันไป สิ่งที่ดีที่สุดที่นึกออกก็คือมองหาโลกส่วนตัวที่สร้างความสุขให้เราได้โดย ไม่มีกันและกันอีกต่อไป ยิ่งจมดิ่งอยู่ในโลกส่วนตัวมากแค่ไหน ก็ยิ่งเข้าถึงกันได้ยากขึ้น เพราะจะไม่มีช่องว่างเวลาให้กัน และความเพลิดเพลินของเขาเราก็ไม่ทนเห็นเป็นเรื่องพอจะสนุกไปกับเขาได้อีก
ต่างคนต่างอยู่ดูจะเป็นทางออกที่ให้ความสงบสุขทั้งสองฝ่าย ไม่ต้องร้อนรุ่มกลุ้มใจเพราะเขา ไม่ต้องมาเสียเวลาเอาใจ หรือคาดหวังการเอาใจให้เหนื่อยแรง
ดูเหมือนจะดี แต่การปล่อยความรู้สึกที่มีต่อกันไปตามยถากรรม โดยไม่ได้ลงมือแก้ไขเลยสักอย่าง จะเห็นแววรุ่งในชีวิตคู่ไหมละเนี่ย
หลายคนรู้สึกว่าการเอาอกเอาใจอีกฝ่ายเพื่อถนอมความสัมพันธ์ มันช่างเป็นงานแบกอิฐแบกปูนแท้ ๆ ต้องฮึบขึ้นมาหนึ่งตั้ง ต้องจัดสรรเวลา ต้องเป็นกระบวนการใหญ่ ประมาณว่าจัดโต๊ะดินเนอร์ใต้แสงเทียน หรือชวนกันไปเที่ยวทะเล อันที่จริงแค่การให้ความสนใจเขาในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุก ๆ วัน สัมผัสกันหรือกอดกันบ้าง เป็นความโรแมนติกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยให้เรามีชีวิตชีวาโดยไม่ต้องทุ่มเทมาก
ถ้าเขากับเรามีความสุขกับงานอดิเรกคนละแบบกับเรา ก็ไม่เห็นเป็นไร ไม่ว่าเขาจะหมกมุ่นอยู่กับพระเครื่อง (อุ๊ย! เคสเจาะจงไปนิด อันตรายต่อความมั่นคงในครอบครัว) คือจะยกตัวอย่างกว้าง ๆ อย่างผู้ชายบ้ารถแล้วไม่อินค่ะ เลยโม้ไม่ออก อินอย่างยิ่งกับอาการของคนมีแว่นประจำตัวส่องทุกมื้อและก่อนเข้านอน และง่วนอ่านตำราศึกษาจนเป็นน้อง ๆ เกจิ
ตามทฤษฎีบอกว่า ควรจะให้ความสนใจกับสิ่งที่เขารักบ้าง เพื่อเปิดประตูไปสู่โลกส่วนตัวของเขา แหมคุณคะ ใครอยากตายิบหยีนั่งส่องพระมั่ง ฟังเขาเล่าอะไรการรับรู้ก็ยังเป็นศูนย์อยู่ดี นั่งดูนักฟุตบอลหล่อๆ เป็นเพื่อนยังง่ายเสียกว่า
ปัญหานี้แก้เองไม่ตก หันไปคุยกับพี่ ๆ ผู้มากประสบการณ์ พี่ ๆ บอกว่า มีส่วนร่วมไปกับเขาวิธีอื่นก็ได้ หากล่องสวย ๆ มาให้ใช้เก็บของรักของปลื้ม หรือเสนอตัวช่วยจัดหนังสือเป็นหมวดหมู่ใส่ชั้นวาง คุณพี่จะได้หยิบง่ายใช้คล่อง มีงานประกวดที่ไหนรีบรายงาน นาน ๆ ควงแขนไปเป็นเพื่อนซะที ไม่อยากไปก็ให้นึกเสียว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเราทุกวันซะเมื่อไหร่
แล้วการที่เราได้แอบมองคนที่เรารักมีความสุขดวงตาเป็นประกายระยิบระยับก็ เป็น เรื่องดีนี่นา นาน ๆ ไปอาจสนุกไปด้วยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีโลกคนละใบเสมอไป
แฮ่..ยังไม่เคยทำเลยค่ะ จะลองดู
ก่อนที่จะคิดว่าควรใช้วิธีไหน ทั้งเราและเขาต่างต้องสะสมต้นทุนไว้เยอะ ๆ นะคะ งานวิจัยอันหนึ่งของมหาวิทยาลัยวอชิงตันพบว่า คู่ ผัวตัวเมียที่อยู่เย็นเป็นสุข นอกจากรักกันแล้ว ยังสะสมความรู้สึกดี ๆ เป็นทุนสำรองอยู่มาก เมื่อคู่แบบนี้ทะเลาะกันกี่ครั้งกี่หน หรือจะเกิดความเบื่อขึ้นมาในบางช่วงก็ตาม ถ้ามันจบไปแล้ว ความรู้สึกดีต่อกันก็ยังอยู่
เพราะฉะนั้นเ ตือนสติตัวเองว่าถ้าเริ่มมองเขาในแง่ร้ายเมื่อไหร่ให้หยุดซะเถิดทูนหัว จะได้ไม่ต้องเหม็นหน้ากัน
บทเรียนรัก .. ที่คุณอาจไม่คาดคิด
|
รูปหัวใจ ใครคิดค้นขึ้นมานะ
| |||
| |||
| |||
| |||
|
จีบสาวทางโทรสัพทำไงดี
1. แค่ครึ่งชั่วโมงพอ
การโทรคุยกับสาวจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือการชวนเธอออกเดท ไม่ใช่ไปสนทนาปัญหาบ้านเมือง เอาไว้คุยกันตอนออกเดทจะดีกว่า
2. ขอวางตอนสนุก
คุณอาจไม่เคยวางสายในขณะที่การสนทนาเป็นไปอย่างสนุกสนานออกรสชาติแถมยังคุย ต่อไป 3 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง จนในที่สุดก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแต่ก็ยังไม่วางสาย จนในที่สุดเธอก็เบื่อคุณ สิ่งที่ต้องทำ คือคุณต้องวางสายทุกครั้งที่คิดว่าการสนทนากําลังเป็นไปอย่างสนุกเรียกว่า เมื่อถึง"จุดสุดยอด" เมื่อไหร่ คุณต้องวางทันทีเพราะจะทําให้เธอคิดถึงคุณ คิดถึงบท สนทนาที่ดีระหว่างคุณและเธอและพอครั้งต่อไปที่คุณโทรไปหาคุณจะรู้สึกได้เลย ว่าเสียงเธอนั้นดีใจมากเวลาที่คุณโทรมา
3. วางสายก่อนได้เปรียบ
อย่ารอให้สาวเป็นคนขอวางสายก่อน คุณต้องบอกเธอก่อนทุกครั้งโดยที่จะต้องทําตัวให้ท้าทาย ทําเหมือนว่ามีสิ่งที่สําคัญกว่าเธอรอคุณอยู่ทําให้เหมือนกับว่าคุณนั้นชอบ ที่จะคุยกับเธอ แต่ถ้าไม่ได้คุยคุณก็ไม่เป็นไร
4. โทรทำไมทุกวัน
หลายคนคงคิดว่าการคุยโทรศัพท์จีบสาว ต้องโทรไปทุกวัน โทรไปเรื่อย ๆบอกเธอว่าคิดถึงอย่างโน้นอย่างนี้ เพราะเดี๋ยวเธอก็ใจอ่อนเองบอกได้เลยว่าคุณกำลังคิดผิดผู้หญิงนั้นถ้าเธอชอบ เราไม่ว่าจะโทรไปทุกวันหรือไม่โทรหาเธอเธอก็ยังชอบคุณอยู่ดี การที่ไม่โทร ไปหาเธอบ้างจะทําให้เธอกระวนกระวายใจและคิดถึงคุณมากยิ่งขึ้น แต่คุณลองคิดดูถ้าเธอยังไม่ได้ ตัดสินใจว่าจะชอบคุณหรือไม่ แต่คุณโทรไปหาเธอทุกวัน ๆคุณนั้นกําลังบอกเธอเลยว่า ความสุขทั้งหมดของคุณขึ้นอยู่กับเธอคนเดียวคุณไม่ได้เป็นสิ่งที่ท้าทายเลย สําหรับเธอ เธอรู้ได้ทันทีว่าคุณเป็นลูกไก่ในกํามือ โทรไปวันเว้นสองวันบ้าง บางครั้ง ก็ 3-4 วันครั้งจะทําให้เธอรู้ว่าคุณมีชีวิตเป็นของตัวเอง
5. คุยเรื่องอื่นบ้าง
อย่ามัวแต่คุยเรื่องทั่วไป เช่น ทําอะไรอยู่ อยู่ที่ไหนวันนี้กินข้าวกับอะไร วันนี้ไปไหน ช้อปปิ้งมา เหรอ ซื้ออะไรมาการคุยแบบนี้ใครก็คุยกับเธอได้และคุณจะทําให้เธอเบื่อการคุย เรื่องทั่วไปนั้นเรา จะคุยเฉพาะตอนแรกๆ ที่เราโทรไปเท่านั้นจากนั้นคุณต้องคุยเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกเธอ ความคิด ของเธอถามเธอว่าเธอคิดยังไง รู้สึกยังไงกับเรื่องนี้เรื่องนั้นจากนั้นก็ให้เธอเผยตัวตนของเธอออกมา ให้เธอเปิดใจกับคุณมากขึ้นและที่สําคัญคืออย่าคุยเรื่องที่มันเครียดหา เรื่องที่คุยแล้วทำให้เธอรู้สึกสบายใจแล้วเธอจะรู้สึกไว้ใจคุณยามที่เธอมี เรื่องไม่สบายใจอะไรเธอจะคิดถึงคุณก่อนเป็นคนแรก และเป็นฝ่ายโทรไปหาคุณเองจากนั้นค่อยสร้างสัมพันธ์แล้วค่อยขอเธอเป็นแฟน แต่ขอฝากไว้หน่อยนะไม่ใช่โทรคุยกันครั้งแรกก็ขอเป็นแฟนเลย วัยรุ่นอย่าใจร้อนเพราะสิ่งไหนที่ได้มาง่ายก็ไปง่ายได้ เช่นเดียวกัน
การโทรคุยกับสาวจุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือการชวนเธอออกเดท ไม่ใช่ไปสนทนาปัญหาบ้านเมือง เอาไว้คุยกันตอนออกเดทจะดีกว่า
2. ขอวางตอนสนุก
คุณอาจไม่เคยวางสายในขณะที่การสนทนาเป็นไปอย่างสนุกสนานออกรสชาติแถมยังคุย ต่อไป 3 ชั่วโมง 4 ชั่วโมง จนในที่สุดก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแต่ก็ยังไม่วางสาย จนในที่สุดเธอก็เบื่อคุณ สิ่งที่ต้องทำ คือคุณต้องวางสายทุกครั้งที่คิดว่าการสนทนากําลังเป็นไปอย่างสนุกเรียกว่า เมื่อถึง"จุดสุดยอด" เมื่อไหร่ คุณต้องวางทันทีเพราะจะทําให้เธอคิดถึงคุณ คิดถึงบท สนทนาที่ดีระหว่างคุณและเธอและพอครั้งต่อไปที่คุณโทรไปหาคุณจะรู้สึกได้เลย ว่าเสียงเธอนั้นดีใจมากเวลาที่คุณโทรมา
3. วางสายก่อนได้เปรียบ
อย่ารอให้สาวเป็นคนขอวางสายก่อน คุณต้องบอกเธอก่อนทุกครั้งโดยที่จะต้องทําตัวให้ท้าทาย ทําเหมือนว่ามีสิ่งที่สําคัญกว่าเธอรอคุณอยู่ทําให้เหมือนกับว่าคุณนั้นชอบ ที่จะคุยกับเธอ แต่ถ้าไม่ได้คุยคุณก็ไม่เป็นไร
4. โทรทำไมทุกวัน
หลายคนคงคิดว่าการคุยโทรศัพท์จีบสาว ต้องโทรไปทุกวัน โทรไปเรื่อย ๆบอกเธอว่าคิดถึงอย่างโน้นอย่างนี้ เพราะเดี๋ยวเธอก็ใจอ่อนเองบอกได้เลยว่าคุณกำลังคิดผิดผู้หญิงนั้นถ้าเธอชอบ เราไม่ว่าจะโทรไปทุกวันหรือไม่โทรหาเธอเธอก็ยังชอบคุณอยู่ดี การที่ไม่โทร ไปหาเธอบ้างจะทําให้เธอกระวนกระวายใจและคิดถึงคุณมากยิ่งขึ้น แต่คุณลองคิดดูถ้าเธอยังไม่ได้ ตัดสินใจว่าจะชอบคุณหรือไม่ แต่คุณโทรไปหาเธอทุกวัน ๆคุณนั้นกําลังบอกเธอเลยว่า ความสุขทั้งหมดของคุณขึ้นอยู่กับเธอคนเดียวคุณไม่ได้เป็นสิ่งที่ท้าทายเลย สําหรับเธอ เธอรู้ได้ทันทีว่าคุณเป็นลูกไก่ในกํามือ โทรไปวันเว้นสองวันบ้าง บางครั้ง ก็ 3-4 วันครั้งจะทําให้เธอรู้ว่าคุณมีชีวิตเป็นของตัวเอง
5. คุยเรื่องอื่นบ้าง
อย่ามัวแต่คุยเรื่องทั่วไป เช่น ทําอะไรอยู่ อยู่ที่ไหนวันนี้กินข้าวกับอะไร วันนี้ไปไหน ช้อปปิ้งมา เหรอ ซื้ออะไรมาการคุยแบบนี้ใครก็คุยกับเธอได้และคุณจะทําให้เธอเบื่อการคุย เรื่องทั่วไปนั้นเรา จะคุยเฉพาะตอนแรกๆ ที่เราโทรไปเท่านั้นจากนั้นคุณต้องคุยเรื่องที่เกี่ยวกับความรู้สึกเธอ ความคิด ของเธอถามเธอว่าเธอคิดยังไง รู้สึกยังไงกับเรื่องนี้เรื่องนั้นจากนั้นก็ให้เธอเผยตัวตนของเธอออกมา ให้เธอเปิดใจกับคุณมากขึ้นและที่สําคัญคืออย่าคุยเรื่องที่มันเครียดหา เรื่องที่คุยแล้วทำให้เธอรู้สึกสบายใจแล้วเธอจะรู้สึกไว้ใจคุณยามที่เธอมี เรื่องไม่สบายใจอะไรเธอจะคิดถึงคุณก่อนเป็นคนแรก และเป็นฝ่ายโทรไปหาคุณเองจากนั้นค่อยสร้างสัมพันธ์แล้วค่อยขอเธอเป็นแฟน แต่ขอฝากไว้หน่อยนะไม่ใช่โทรคุยกันครั้งแรกก็ขอเป็นแฟนเลย วัยรุ่นอย่าใจร้อนเพราะสิ่งไหนที่ได้มาง่ายก็ไปง่ายได้ เช่นเดียวกัน
เรื่องน่ารู้ อาการที่บอกว่า เขาแอบชอบเราอยู่
เรื่องน่ารู้ อาการที่บอกว่า เขาแอบชอบเราอยู่
- เขาหรือเธอนั้นมักจะบอกให้เรารู้อยู่เสมอว่า แพลนของเขาจะทำอะไรหรือไปไหนบ้าง ทั้งทางตรงและทางอ้อม อาจบอกผ่านเพื่อนเรามาก็ได้ หรือจากการคุยกันในกลุ่มเพื่อน
- คนๆ นั้นมักจะยกเลิกธุระหรืองานอื่นๆ เพื่อใช้เวลาอยู่กับคุณเพียงคนเดียวได้ โดยไม่ต้องหาเหตุผล
- เขา หรือเธอคน นั้นมักจะชวนคุณไปไหนมาไหนด้วยเสมอๆ หิวหรือเปล่า มาทานข้าวด้วยกันไหม เป็นคำชวนธรรมดาๆ ที่อาจแผงด้วยความรู้สึกที่พิเศษก็ได้นะ
- คนๆ นั้น มักจะเข้ามาปลอบคุณยามที่คุณ กำลังรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังและต้องการใครซัก คน
- คนๆ นั้นมันวงเวียนอยู่ใกล้ๆ ตัวเราเสมอ แต่บางครั้งเราอาจจะไม่รู้ตัวเลย
- เมื่อคนๆ นั้นหันมาสบตากับเราเค้ามักจะหลบตาเสมอ
- คนๆ นั้นมักจะยิ้มมาทางเราบ่อยๆ
ถ้าแคร์คำพูดแย่ ๆ ก็เท่ากับแพ้ใจตัวเอง
|
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)